รีวิวคอนโด ลาวีค สุขุมวิท 57 คอนโดซูเปอร์ลักชัวรี่ เดินทางสะดวก ใกล้สถานีทองหล่อ ครบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
คอนโดซูเปอร์ลักชัวรี่ใกล้ทองหล่อเพียง100 เมตร ถึง สกายวอล์ครถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ โครงการนี้ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว แต่ก็ได้ความสะดวกสบาย สีสันบรรยากาศของทองหล่อมาเต็มๆ เหมือนกัน
Company
โครงการ LAVIQ สุขุมวิท 57 พัฒนาโครงการโดย บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาโครงการอสังหาอย่างครบวงจร มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม โฮมออฟฟิศ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ซึ่งจุดเด่นของโครงการที่อยู่อาศัยจากเรียลแอสเสทฯ จะเป็นเรื่องงานดีไซน์ที่ให้ทั้งความสวยงามและการใช้สอยที่ลงตัว รวมถึงอยู่ในทำเลคุณภาพ
สำหรับโครงการ Laviq สุขุมวิท 57 จะเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ดีไซน์เด่น เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Fendi Casa ตกแต่งในส่วนแกรนด์ล็อบบี้เลานจ์, ห้องสมุด, ห้องประชุมและห้องโซเชียลคลับ และอยู่บนทำเลไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์อย่างทองหล่อ
Location
ที่ตั้งโครงการ LAVIQ สุขุมวิท 57 จะอยู่ในซอยสุขุมวิท 57 ห่างจากปากซอยประมาณ 100 เมตร ถือว่าเป็นระยะเดินที่สบาย โดยซอยสุขุมวิท 57 นี้จะเป็นซอยตันครับ ทำให้รถที่วิ่งเข้าออกในซอยนี้ไม่พลุกพล่านมาก ถือว่าได้ความเป็นส่วนตัวที่ดี
ตัวโครงการแม้จะไม่ได้อยู่ในถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แต่ก็สามารถเดินลัดผ่านเข้าไปยังทองหล่อได้สะดวก โดยมีระยะทางไปยังทองหล่อช่วงต้นซอยแค่ประมาณ 270 เมตรเท่านั้น ทำให้จากโครงการก็จะยังได้ความสะดวกสบาย ใกล้ไลฟ์สไตล์ในบรรยากาศที่ยังเป็นทองหล่ออยู่ครับ
การเดินทาง
การเดินทางจากที่ตั้งโครงการนับว่าสะดวกทั้งใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้า BTS โดยถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัวขับออกมาหน้าปากซอยสุขุมวิท 57 ก็มีระยะทางแค่ 100 เมตร และด้วยซอยนี้เป็นซอยตัน รถไม่พลุกพล่าน จึงสามารถขับรถเข้าออกซอยนี้ได้สะดวก เมื่อขับออกมาถึงถนนสุขุมวิทแล้วถ้าขับตรงไปต่อก็สามารถไปยังโซนอื่นๆ เช่น เอกมัย พระโขนง เลี้ยวขวาเข้าพระราม 4 หรือขับตรงไปต่อแล้วขึ้นทางด่วนฉลองรัชที่ด่านพระโขนงก็ได้ หรือถ้าจะกลับไปทางทองหล่อ พร้อมพงษ์ เมื่อขับออกจากซอยแล้วก็ให้ชิดขวาเพื่อกลับรถแล้วต่ออีก 190 เมตร ก็สามารถเลี้ยวขวาเข้าทองหล่อได้ ถ้าจะไปพร้อมพงษ์ เอ็มโพเรียมก็ขับตรงไปอีก 1.3 กิโลเมตรเท่านั้น
ส่วนทางด่วนที่อยู่ใกล้กับโครงการก็มีทั้งทางด่วนฉลองรัชและทางด่วนเฉลิมมหานคร ซึ่งจะอยู่ทางโซนพระโขนง โดยจากโครงการไปให้ขับไปตามถนนสุขุมวิทผ่าน BTS พระโขนง จากนั้นเมื่อถึงแยกพระโขนงถ้าจะไปทางด่วนเฉลิมมหานครก็ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 4 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้ากล้วยน้ำไท แล้วเลี้ยวขึ้นทางด่วนได้ที่ถนนอาจณรงค์ ส่วนทางด่วนฉลองรัชก็ให้ขับตรงผ่านแยกพระโขนงและสุขุมวิท 71 ไป จากนั้นก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองพระโขนงจะมีทางเบี่ยงซ้ายเพื่อเข้าทางด่วนฉลองรัช
ซึ่งโดยรวมแล้วการใช้รถยนต์ของทำเลทองหล่อนี้ถือว่ามีความสะดวกครับ แต่ก็จะมีเรื่องรถติดอยู่หลายช่วงเวลาเนื่องจากทำเลนี้จัดว่าเป็นทำเลใจกลางเมืองและใจกลางสุขุมวิท มีผู้คนหนาแน่น และเป็นย่านไลฟ์สไตล์ที่มีสีสันแทบจะทั้งคืนก็ว่าได้ จึงทำให้การจราจรในทำเลนี้หนาแน่นเป็นธรรมดา
ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็จะเป็นตัวเลือกที่มีความสะดวกสบายมากกว่าครับ ด้วยหน้าปากซอยสุขุมวิท 57 จะมี Skywalk ที่เชื่อมจาก BTS ทองหล่อไปยังตึก T-One หน้าซอยสุขุมวิท 40 ทำให้สามารถเดินขึ้นทางเชื่อมเข้าสถานีรถไฟฟ้าได้เลย หรือถ้าใครชอบเดินผ่านไปเส้นทางเดิมคือผ่านแยกทองหล่อแล้วขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้นะครับเพราะมีระยะทางแค่ 270 เมตร ถือว่าใกล้ๆ และมีร้านค้าร้านอาหารดีๆ เปิดให้แวะได้ตลอดทาง
จาก BTS ทองหล่อจะเดินทางไปไหนในย่านใจกลางเมืองก็ถือว่าใกล้แล้วครับ โดยถ้าจะไปช้อปปิ้งที่เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ หรือร้านอาหารสวยๆ แถวนั้นก็นั่งไป BTS พร้อมพงษ์แค่ 1 สถานี และยังเดินทางต่อไปยังโซนอื่นๆ เช่น อโศก นานา เพลินจิต ชิดลม สยาม ได้รวดเร็ว ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาทีก็สามารถไปถึงได้ครับ
ไลฟ์สไตล์กินอยู่ใกล้โครงการ
ทำเลสุขุมวิท 57 นี้นับว่ามีสีสันของไลฟ์สไตล์ที่พร้อมมากทีเดียว เพราะซอยนี้อยู่ข้างๆ ทองหล่อ สามารถเดินไปถึงด้วยระยะทางแค่ 270 เมตร หรือขับรถไปใกล้แค่กลับรถแล้วขับต่ออีกหน่อยก็เลี้ยวเข้าทองหล่อได้เลย โดยแหล่งไลฟ์สไตล์หลักของทำเลนี้ก็จะเป็นที่ทองหล่อ เอกมัย พร้อมพงษ์ครับ เรียกว่าทั้งกิน เที่ยว แฮงเอาต์ ช้อปปิ้ง มีครบเลยครับ
เริ่มจากลง BTS ทองหล่อไปยังหน้าซอยสุขุมวิท 57 กันก่อน ตรงนี้ก็จะมีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้าน Subway รวมถึงบน BTS ทองหล่อเองก็มีร้านสะดวกซื้อของ Lawson108 เปิดอยู่ด้วยครับ ถ้าเข้าไปช่วงต้นซอยทองหล่อก็มีร้านอาหาร 7-Eleven
ข้ามแยกทองหล่อไปตรงนี้ก็จะมีร้านราเมงซุปไก่กลิ่นหอมใช้ได้เลยครับ ถัดไปเป็นร้าน Glow Coffee กาแฟที่นี่ดีมาก และก่อนถึงสุขุมวิท 57 จะมี 7-Eleven สำหรับแวะซื้อของกินของใช้ได้
สำหรับแหล่งไลฟ์สไตล์ในทองหล่อก็มีร้านอาหารดีๆ ทั้งไทยฝรั่งญี่ปุ่นครบเลย แต่ร้านสไตล์ญี่ปุ่นที่นี่ถือว่าเด็ดครับเพราะสุขุมวิทช่วงพร้อมพงษ์นี่ก็เป็นย่านที่ชาวญีปุ่นเข้ามาอยู่อาศัย และใช้ถนนเส้นเส้นทางลัดออกมาทองหล่อนั่งทานอาหารในร้านต่างๆ ด้วยเหมือนกัน
นอกจากร้านกินเที่ยวคาเฟ่ในทองหล่อแล้วก็ยังมีดอง ดอง ดองกิที่ทองหล่อซอย 10 เป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ของทำเล สร้างสีสันให้ทองหล่อมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
ที่ BTS พร้อมพงษ์ก็เป็นอีกแหล่งพักผ่อน ช้อปปิ้ง กินเที่ยว ทั้งศูนย์การค้าใหญ่ที่มีจัดอีเวนต์สวยๆ ให้แวะถ่ายรูปพักผ่อนอยู่ตลอดทั้งปี ร้านแบรนด์เนมหรู สวนเบญจสิริไว้วิ่งพักผ่อนออกกำลังกาย และยังมีร้านอาหารสไตล์อิซากายะให้สังสรรค์อีกหลายร้าน
Project
โครงการ LAVIQ สุขุมวิท 57 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 33 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 2-1-65 ไร่ ตัวโครงการออกแบบภายใต้แนวคิด “GLAMOROUSLY INSPIRED BY FENDI CASA” ที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ที่หรูหราทันสมัยบนทำเลทองหล่อ ผ่านการออกแบบตัวอาคารที่ดูสง่างาม พื้นที่ส่วนกลางที่หรูหราครบครัน และแลนด์สเคปที่สร้างพื้นที่ธรรมชาติและความเป็นส่วนตัวให้กับส่วนต่างๆ ของโครงการ
ด้านงานออกแบบโครงการนี้เลือกใช้ทีมงานคุณภาพทั้ง Palmer & Turner ในการออกแบบงานสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายในใช้ทีม DWP ส่วนงานภูมิสถาปัตย์เลือกใช้ Shma ที่มีผลงานออกแบบแลนด์สเคปให้คอนโดมิเนียมหรูในกรุงเทพฯ หลายโครงการ
นอกจากนี้ที่บริเวณล็อบบี้ของโครงการจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์? Fendi Casa ทั้งหมด ซึ่งเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก ช่วยสะท้อนความหรูหราของโครงการได้เป็นอย่างดี
เริ่มจากทางเข้าโครงการที่ออกแบบให้เป็นเนินยกระดับจากพื้นถนนซอยสุขุมวิท 57 และมีสวนพักผ่อนด้านหน้าโครงการใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนใต้ต้นไม้ที่จำลองลักษณะของเนินธรรมชาติ สร้างความเป็นส่วนตัวและเชื่อมต่อกับห้องสมุดในตัวอาคารได้
ทางเข้าส่วนล็อบบี้ของโครงการจะมีจุด Drop Off อยู่ด้านหน้า โดยจากนั้นจะสามารถขับรถวนออกโครงการหรือเข้าไปยังพื้นที่จอดรถด้านข้างโครงการได้เลย
Library ของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 1 มีเพดานที่สูงโปร่งดูโอ่โถง ใช้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนทำงานอ่านหนังสือ ซึ่งจะมีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor โดยโครงการจะออกแบบให้พื้นที่ส่วนนี้เชื่อมต่อกับทั้งล็อบบี้และสวนด้านหน้าของโครงการ
Lobby Lounge ออกแบบพื้นที่ได้สวยทีเดียวครับ โดยตัวพื้นถึงฝ้าสูงอยู่ที่ 5.8 เมตร โดยจะจัดให้มีที่นั่งพักผ่อนทั้งเป็นโซฟาทรงกลมเข้ากับรูปพื้นที่ห้องและมุมเก้าอี้อาร์มแชร์ โดยเฟอร์นิเจอร์ใน Lobby Lounge ทั้งหมดใช้ของแบรนด์ Fendi Casa ครับ
กลาง Lobby Lounge ตกแต่งด้วยแกรนด์เปียโนสีขาวซึ่งเป็น Signature ของแบรนด์ Fendi Casa
มุมที่นั่งโซฟาอีกจุดอยู่ถัดจากเปียโนสีขาวมาทางโถงลิฟต์ โดยภายใน Lobby Lounge จะออกแบบให้ที่นั่งแต่ละจุดอยู่ห่างกันเพื่อบรรยากาศที่ดูสบาย ๆ เป็นส่วนตัว และนอกจากนี้บริเวณพื้นของ Library, ล็อบบี้จะเป็นลายหินอ่อนหินจริงทั้งหมดอีกด้วย


สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการจะจัดเอาไว้ที่ชั้น 6 ชั้น 29 และชั้น 30 ของโครงการครับ ที่ชั้น 6 จะเป็นสวนส่วนกลางที่ออกแบบเป็นพื้นที่พักผ่อนชมวิวอยู่ฝั่งด้านหน้าของตัวอาคาร โดยจะมีตัวอาคารพักอาศัยโอบล้อมพื้นที่สวนตรงนี้ไว้ทางด้านทิศเหนือและตะวันออก เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนในช่วงเช้าๆ สายๆ ของวันได้
Main Facility ของโครงการจะถูกยกมาไว้ที่ชั้น 29 และ 30 โดยจะมีบันไดวนสำหรับเดินขึ้นลงเชื่อมต่อกันได้ โดยสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางที่ 2 ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำที่แบ่งโซนสระเด็ก-ผู้ใหญ่, Jacuzzi Pool, Chilling Area, Sky Deck, Party Terrace, Social Club, ห้องสตีมแยกชาย-หญิง
ชั้นที่ 30 จะมี Fitness & Bike Simulator, Yoga Studio, Golf Simulator, Executive Lounge & Meeting room
พื้นที่สวนชั้น G จะออกแบบแลนด์สเคป โดยออกแบบให้มีทั้งพื้นที่นั่งพักผ่อน โดยมีน้ำพุและต้นไม้ใหญ่เพิ่มความร่มรื่นและชีวิตชีวาให้กับสวนมุมนี้
จุด Drop Off จะเป็นพื้นที่ในร่มเพื่อช่วยบังแดดฝน สามารถลงรถและก้าวเข้าสู่ภายในอาคารได้ง่าย
Sculptural Garden ที่ชั้น 6 โดยมีทางเดินผ่านกลางธารน้ำจำลองด้านข้าง สร้างบรรยากาศเหมือนเดินลงจากเนินเล็กๆ ไปสู่พื้นที่พักผ่อนที่ร่มรื่นด้านใน
มุมนั่งพักผ่อนภายในสวนจะจัดชุดเฟอร์นิเจอร์ Outdoor ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนพูดคุยใต้ร่มเงาของใต้ไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้สร้างร่มเงาโดยรอบ
สระว่ายน้ำมีรูปทรงเป็นตัว L ความยาวที่ 36 เมตร เป็นสระแบบโอโซน โดยออกแบบให้มีทั้งสระในร่มและกลางแจ้ง โดยรอบบริเวณจะติดราวกั้นเป็นกระจกเพื่อให้ดูกลมกลืนไปกับวิวเมืองด้านนอก
สระเด็กลึกประมาณ 60 เซนติเมตร จะอยู่ถัดจากสระผู้ใหญ่ที่ลึกประมาณ 1.20 เมตร โดยมีทางเดินลงสระเป็นโซนน้ำตื้นเพื่อเป็นขอบเขต
ชั้นส่วนกลางจะสามารถมองเห็นวิวเมืองในสุขุมวิทได้โดยรอบ ช่วงเวลาเย็นๆ ค่ำๆ ก็นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ ได้ อย่างมุมนี้จะเป็นมุมที่หันไปทางทองหล่อครับ
Chilling Area จะเป็นพื้นที่พักผ่อนที่อยู่ทางด้านหน้าของอาคาร โดยมี Sunbed ไว้นั่งเล่นนอนเล่นพักผ่อนช่วงแดดร่มๆ ฟังเพลงก็เพลินๆ ดีเหมือนกัน โดยโครงการจะจัดเอาไว้ 2 มุม โดยฝั่งนี้จะอยู่ติดกับตัวอาคาร
อีกฝั่งจะอยู่ด้านติดกับสระว่ายน้ำ ซึ่งมุมนี้จะทำเป็นพื้นลดระดับลงไปทำให้เวลานั่งนอนเล่นจะสามารถเห็นวิวเมืองและผิวน้ำอยู่ในระดับสายตา ส่วนด้านข้างเป็น Jacuzzi ไว้แช่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้
Sky Deck ของโครงการทำเป็นมุมนั่งพักผ่อน 2 แบบ โดยมีมุม Sunken Seat ที่เวลานั่งวิวเมืองจะสูงในระดับสายตาเราพอดี
อีกมุมของ Sky Deck จะจัดชุดเก้าอี้นั่งพักผ่อนสบายๆ แบบ Semi-outdoor
Party Terrace เป็นพื้นที่จัดสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง โดยจะออกแบบให้อยู่เชื่อมต่อกับห้อง Social Club ด้านในอาคาร
Social Club นี้ก็จะใช้ฟอร์นิเจอร์ Fendi Casa ตกแต่ง โดยออกแบบพื้นที่ให้แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ โดยมุมแรกจัดเป็นโต๊ะพูลไว้เล่นผ่อนคลายกับเพื่อนฝูง
ด้านข้างจัดเป็นที่นั่งแบบเลาจน์ติดกับเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มและห้องเซอร์วิสด้านหลัง
อีกส่วนจัดโซฟาไว้นั่งพูดคุยพักผ่อนไว้เป็นมุมๆ หันรับวิวเมืองได้สองฝั่ง
อีกฝั่งจัดโซฟา 1 ที่นั่งวางล้อมวงสำหรับนั่งพูดคุยพบปะกัน โดยมีพาร์ติชั่นกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัว
Steam Room ของโครงการจะแบ่งชาย-หญิง โดยภายในห้องจะมีล็อคเกอร์สำหรับเก็บข้าวของเตรียมไว้ให้
ถัดมาเป็นส่วนของอ่างล้างมือวางบนเคาน์เตอร์หินสีดำ บนผนังกรุด้วยทินเทียมโปร่งแสงดูสวยงาม
ภายใน Steam Room จะมีห้องน้ำและห้อง Shower สำหรับอาบหลังอบไอน้ำให้อย่างละ 2 ห้อง
ห้อง Steam สามารถเข้าใช้งานพร้อมกันได้ 4-6 คนครับ โดยที่นั่งจะเป็นหินสีดำเข้ากับผนังหินอ่อน
บันไดวนเชื่อมต่อจากชั้น 29-30 ลูกบ้านสามารถใช้เดินขึ้นลงเพื่อใช้งาน Facility สองชั้นนี้ได้โดยไม่ต้องรอกดลิฟต์
ห้อง Fitness & Bike Simulator ให้กระจก Full Height สามารถออกกำลังกายชมวิวเมืองด้านนอกได้ โดยเครื่องฟิตเนสที่ใช้จะเป็นของแบรนด์ Technogym อีกด้วย
Yoga Studio เป็นห้องที่อยู่แยกส่วนจากฟิตเนส โดยใช้ผนังกระจก Full Height เช่นเดียวกัน
ห้อง Golf Simulator สามารถทำการจองห้องล่วงหน้าเพื่อไดรฟ์กอล์ฟกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวได้อย่างเป็นส่วนตัว
ด้านหน้า Executive Lounge & Meeting Room มีเคาน์เตอร์บาร์ โดยมุมนี้เป็นพื้นที่แบบ Semi-outdoor ใช้นั่งพักผ่อนรับลมชิลๆ ได้
ด้านใน Executive Lounge & Meeting Room จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนครับ โดยส่วนที่ติดกับประตูทางเข้าจัดเป็นมุมนั่งติดต่อพูดคุยธุรกิจ

Product
สำหรับยูนิตที่เป็นไฮไลต์ของโครงการนี้คือแบบ 3 ห้องนอน โดยมีห้องขนาด 144 ตารางเมตร ที่เลย์เอาต์นี้เป็น Rare Item ของโครงการเพราะเหลือเพียงยูนิตสุดท้าย และยังพิเศษมากด้วยการตกแต่งแบบ Fully Furnished by FENDI CASA ที่สะท้อนรสนิยมที่หรูหราแบบ Timeless กับการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว
ซึ่งห้องนี้นอกจากเจ้าของห้องจะได้เฟอร์นิเจอร์จาก FENDI CASA แล้ว ภายในห้องยังได้รับการออกแบบตกแต่งภายในได้อย่างหรูหราลงตัวมากที่สุด โดยจะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกชิ้นในราคา 60 ล้านบาท
ลักษณะของยูนิตแบบ 3 ห้องนอน 144 ตารางเมตร จะเป็นยูนิตหน้ากว้างเป็นพิเศษ ดังนั้นภายในห้องจึงสามารถจัดแปลนใช้สอยให้ทุกห้องอยู่ติดหน้าต่าง สามารถมองผ่านไปยังวิวเมืองภายนอกได้เต็มสายตา นอกจากจุดเด่นเรื่องวิวเมืองของห้องนี้แล้ว แต่ละส่วนใช้สอยภายในห้องยังกว้างขวาง เพื่อให้รองรับการใช้สอยพร้อมหน้ากันของสมาชิกในครอบครัวได้
ห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารจะถูกคั่นด้วยทางเดิน ซึ่งจะนำสายตาไปยังระเบียงของห้องที่สามารถมองผ่านไปยังวิวเมืองภายนอกได้
ลักษณะการจัดแปลนของห้องนี้จะกำหนดให้ส่วน Common Area ได้แก่ ห้องนั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร และครัวปิด วางเชื่อมต่อกัน ได้ความโปร่งโล่งและใช้สอยได้ต่อเนื่องกันมากที่สุด
พื้นที่ส่วนถัดมาจะเป็นห้องครัวเปิด ซึ่งจะได้ชุดครัว L-shaped พร้อมกับเคาน์เตอร์บาร์ที่ทำเชื่อมต่อจากชุดครัวมาเป็นพื้นที่ใช้งานสำหรับวางอาหาร ผลไม้ หรืออุปกรณ์ของใช้อื่นๆ โดยชุดครัวที่ใช้เป็นแบรนด์ของ FENDI CASA หน้าบานต่างๆ ปิดผิววัสดุไฮกลอสดูหรูหราเงางาม และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจาก Kuppersbusch
พื้นที่ครัวเปิดภายในห้องออกแบบให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ด้วยพื้นที่ของชุดครัวที่มีขนาดใหญ่ และยังโปร่งโล่งมองไปวิวภายนอกได้จากหลายมุม
นอกจากครัวเปิดที่อยู่ภายในส่วนพักอาศัยแล้ว โครงการยังออกแบบให้มีครัวปิดอยู่ด้านในใกล้กับส่วนเซอร์วิส ได้แก่พื้นที่ซักรีด ห้องเมด พร้อมกับประตูเซอร์วิสที่สามารถเปิดเข้าจาก Corridor ได้ทันที เพื่อสามารถใช้ครัวส่วนนี้ในการปรุงอาหารที่อาจมีกลิ่นควันได้โดยไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนด้านใน
ส่วนรับประทานอาหารอยู่ในตำแหน่งที่ดี สามารถใช้ทานอาหารพร้อมหน้ากันในครอบครัวและใช้เวลาพักผ่อนดูโทรทัศน์ได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังออกแบบให้ดูโปร่งโล่งสายตาด้วยหน้าต่างแบบ Full Height ด้วยกระจกลามิเนต Low-E Glass และประตูบานเลื่อนเปิดสู่ระเบียง ทำให้สามารถมองผ่านไปยังวิวภายนอกได้ถึง 2 มุม
พื้นที่รับประทานอาหารมีความกว้างขวาง สามารถจัดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับ 6 ที่นั่งได้สบายๆ เว้นช่องทางเดินรอบโต๊ะให้สามารถถอยเก้าอี้เข้านั่งใช้งานได้สะดวก
ถัดจากส่วนรับประทานอาหารจะมีระเบียงที่กว้างขวาง มีมุมเฉลียงสามารถจัดเป็นมุมพักผ่อนรับวิวเมืองด้านนอกได้
สำหรับยูนิตนี้จะมีห้องนอนด้วยกันทั้งหมด 3 ห้อง โดยทุกห้องนอนจะอยู่ติดผนังด้านนอกอาคาร ได้วิวเมืองผ่านหน้าต่างช่องแสงขนาดใหญ่ที่สูงถึงฝ้าเพดาน และมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ใช้งานได้ลงตัว ทั้งเตียงนอนขนาด 6 ฟุต โต๊ะอเนกประสงค์ภายในห้อง ทำให้มีการใช้สอยที่ครบถ้วน จึงสามารถรองรับการใช้พักอาศัยแทนบ้านในเมืองสำหรับครอบครัวได้
สำหรับ Master Bedroom จะเป็นห้องที่มีฟังก์ชันแบบ Suite Room ซึ่งจะมีส่วนใช้สอยต่างๆ ที่ครบถ้วน รวมทั้งส่วนห้องนอนที่กว้างขวาง
Master Bedroom เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีทางเดินเชื่อมไปยังส่วนต่างๆ เพื่อแยกส่วนห้องนอนที่อยู่ด้านในให้ได้ความเงียบสงบเป็นส่วนตัวน่าพักผ่อนมากที่สุด
ภายใน Master Bedroom จะมีตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet ที่ให้พื้นที่มาพอสมควร โดยในห้องจะเป็นตู้เสือผ้าแบบไร้บานเพื่อให้สามารถหยิบจับเสื้อผ้าได้สะดวก และมีผนังฝั่งตรงข้ามเป็นกระจกเงาสำหรับใช้ส่องดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่ได้
ห้องน้ำเป็นแบบ Four Fixture โดยมีอ่างล้างมือแบบฝังลงเคาน์เตอร์หินของ Villeroy & Boch โดยมีตู้เก็บของใต้อ่างแบบบานเปิดคู่เตรียมไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ
ส่วน Shower เป็นแบบ Sexy Bathroom โดยมีอ่างอ่าบน้ำ ชุดฝักบัว และ Rain Shower ที่ใช้แบรนด์ Gessi (เจซซี่) ซึ่งเป็นแบรนด์จากอิตาลีที่มาพร้อมระบบเทอร์โมสแตทติดตั้งให้ และมีหน้าต่างบานช่องแสงขนาดใหญ่ที่สามารถมองผ่านไปยังวิวด้านนอกได้ โดยมุมนี้เราจะได้มู่ลี่สำหรับกรองแสงให้บรรยากาศแสงสว่างกำลังดี หรือจะปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้
สำหรับสุขภัณฑ์ก็เป็นแบรนด์ของ Villeroy & Boch จะแยกส่วนไว้โดยมีฉากและประตูกระจกติดตั้งเพื่อความเป็นสัดส่วน สามารถใช้งานห้องน้ำได้พร้อมๆ กัน
เตียงนอนของห้องนี้จะวางหันปลายเตียงไปทางหน้าต่างบานช่องแสงขนาดใหญ่ ซึ่งด้านนอกจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งเป็นลานกว้าง ทำให้จากห้องนอนนี้จะได้วิวที่โปร่งและเป็นส่วนตัวมากเป็นพิเศษ
ภายในห้องนอนยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งจัดเป็นมุมวางเดย์เบดสำหรับพักผ่อนนั่งอ่านหนังสือภายในห้องนอนได้
ห้องนอนที่ 2 ที่มีขนาดลดหลั่นจาก Master Bedroom นั้นก็มีพื้นที่ภายในห้องที่กว้างขวางเช่นกัน โดยภายในห้องจะมีเตียงนอนขนาด 6 ฟุต ตู้เสือผ้า และโต๊ะขนาดเล็กไว้ใช้งานในห้องได้ เรียกว่าห้องนี้พักคนเดียวก็ได้ความสะดวกสบายปลอดโปร่งเป็นส่วนตัวมาก หรือถ้าพัก 2 คนก็ยังใช้สอยได้ลงตัวอยู่เช่นกัน
พื้นที่ส่วนของเตียงนอนมีความกว้างขวาง ปลายเตียงเว้นช่องสำหรับทางเดินเข้าไปยังส่วนด้านในห้องไว้สามารถเดินได้สะดวกไม่ติดขัด
ภายในห้องนี้ยังดูโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานช่องแสงขนาดใหญ่ที่สูงถึงฝ้าเพดาน เช่นเดียวกับห้อง Mater Bedroom ทำให้พื้นที่ข้างหน้าต่างได้แสงธรรมชาติได้เต็มที่ สามารถใช้งานเป็นมุมนั่งพักผ่อนทำงานเขียนหนังสือได้
ห้องน้ำในตัวจะมีอ่างล้างมือแบบฝังลงเคาน์เตอร์ ตู้บานเปิดใต้อ่าง และตู้เก็บของติดผนังที่ปิดผิวด้วยกระจกเงา ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำพร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบบานเปลือย
สำหรับห้องนอนที่ 3 ตำแหน่งของห้องนี้จะอยูใกล้กับห้อง Master Bedroom ซึ่งจะเป็นห้องที่แชร์จุดเด่นทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย ได้วิวเมืองฝั่งเดียวกันแต่จะมีพื้นที่ใช้สอยที่เล็กกว่า และจะใช้ห้องน้ำร่วมกับส่วนห้องนั่งเล่น แต่โครงการก็ออกแบบให้ตำแหน่งห้องน้ำใช่ร่วมกันนี้อยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องนอน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากที่สุด
ภายในห้องนี้จะได้เตียงนอนขนาด 5 ฟุต พร้อมการตกแต่งผนังด้วยวัสดุที่เป็นกระจกที่มีความมันเงาเพิ่มความหรูหราให้กับห้องนี้ ส่วนด้านข้างเตียงจะมีตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดใช้กระจกสีเทาเข้ม และมีชั้นสำหรับวางของใช้ต่างๆ ข้างตู้เสื้อผ้า
ด้านปลายเตียงนอนจะได้ตู้ทรงเตี้ยสำหรับใช้วางข้าวของต่างๆ หรือถ้าต้องการเปลี่ยนโทรทัศน์เป็นจอขนาดใหญ่มากขึ้น ก็สามารถใช้วางบนตู้นี้เพื่อให้โทรทัศน์อยู่ในระดับที่พอดีกับสายตาของเราได้เลย
มาต่อที่ห้องแบบที่ 2 ห้องนี้เป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42 ตารางเมตร เป็นแปลนแบบหน้ากว้าง การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในห้องจะเน้นให้ส่วนห้องนั่งเล่นมีความกว้างขวางโปร่งโล่ง เพดานสูงถึง 3 เมตร เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะจัด ให้ส่วนครัวเปิดและตู้เก็บของอเนกประสงค์อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าของห้อง โดยจะวางส่วนนั่งเล่น ห้องนอน ไว้เป็นพื้นที่ติดกับหน้าต่างเพื่อใช้รับวิวเมืองแบบคอนโดไฮไรส์ชั้นดี
ติดกับประตูทางเข้าห้องจะมีตู้สำหรับเก็บรองเท้าที่โครงการทำไว้ให้ เพื่อให้สามารถใช้เก็บรองเท้าและของใช้อื่นๆ ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ฝั่งตรงข้ามกับตู้รองเท้าจะเป็นจุดวางเครื่องซักผ้า ซึ่งมุมนี้โครงการจะทำบานตู้ปิดซ่อนส่วนเครื่องซักผ้าไว้ เพื่อให้บรรยากาศภายในห้องดูเรียบร้อยเป็นระเบียบสวยงาม
ชุดครัวที่ทางโครงการให้จะได้เป็นชุดครัวเข้ามุม โดยมีตู้ตั้งพื้นตู้แขวนผนังและเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็นไว้เหมือนกับในบ้านตัวอย่าง โดยโครงการจะให้หน้าบานปิดตู้เป็นไฮกลอส Mood & Tone ดูสวยงาม ทำความสะอาดง่าย เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ฮู้ดดูดควัน ซิงก์ล้างจาน
ในส่วนห้องครัวจะมีเคาน์เตอร์บาร์ที่ใช้เป็นโต๊ะรับประทานอาหาร โดยด้านหลังของเคาน์เตอร์จะเป็นชั้นวางของ สามารถใช้เก็บของใช้อื่นในห้องครัวได้เป็นระเบียบ
ด้านหลังเก้าอี้โต๊ะทานอาหารจะเว้นพื้นที่สำหรับถอยเก้าอี้เพื่อเข้านั่งใช้งานได้สะดวก โดยพื้นห้องในส่วนนั่งเล่นจะเป็น Engineering Wood หนา 14 มิลลิเมตร ที่ให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติมากกว่าไม้ลามิเนต เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวมีสัดส่วนมากขึ้น
ระเบียงห้องมีพื้นที่ให้สามารถออกไปใช้สอยได้ เช่น ทำเป็นมุมนั่งพักผ่อนชิลๆ ริมระเบียง โดยจะแยกส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ยูนิตไว้ด้านหลัง ฟิน และเป็นพื้นที่ฟรี ไม่คิดรวมในพื้นที่ขาย ทำให้ภาพรวมของระเบียงมีความสวยงามเรียบร้อย ราวกันตกจะใช้เป็นกระจกเพื่อให้เวลามองออกมาจากในห้องจะดูโปร่งกลมกลืนไปกับวิวด้านนอก
ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นผนังสำหรับวางตู้โทรทัศน์ โดยมีระยะห่างจากโทรทัศน์มายังโซฟาเพียงพอสำหรับโทรทัศน์จอใหญ่ตั้งแต่ 46-50 นิ้วได้ โดยข้างๆ ผนังนี้จะเป็นประตูไปยังห้องนอน
ภายในห้องนอนออกแบบให้เป็นห้องหน้ากว้าง และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่ 3 เมตร ใช้กระจกหน้าต่างแบบ ชนิดลามิเนต Low-E Glass ได้บรรยากาศการพักผ่อนที่ดูโปร่งโล่ง โดยเตียงนอนสามารถใช้เตียงใหญ่ขนาด 5-6 ฟุตได้
ส่วนปลายเตียงเว้นช่องสำหรับทางเดินเข้าไปฝั่งด้านในไว้พอสมควรให้เดินได้สะดวก โดยพื้นที่ตรงปลายเตียงนี้จะสามารถวางตู้โทรทัศน์เพื่อใช้เป็นที่เก็บของอื่นๆ ในห้องได้ โดยการเลือกควรจะเลือกตู้ที่ไม่มีความลึกมากนัก เพื่อไม่ให้ขวางทางเดิน
อีกฝั่งของห้องนอนจะเป็นพื้นที่ส่วนตู้เสื้อผ้าอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งโครงการจะให้ตู้เสื้อผ้ามาเป็นแบบ 2 บานเลื่อน ตัวตู้จะปิดผิวหน้าบานเป็นไฮกลอสที่ด้ามจับเป็นสี Copper (สีทองแดง) ดูเงางามและเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ภายในห้องน้ำโครงการจัดสุขภัณฑ์ต่างๆ มาให้เหมือนกับห้องตัวอย่าง โดยพื้นที่ภายในห้องน้ำจะมีทางเดินสำหรับเข้าออกที่กว้างขวางใช้งานได้สะดวก บริเวณเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและอ่างอาบน้ำแบบฝังนี้จะใช้เป็น Imported Marble หินจริง ชื่อลาย Black Emperado โถสุขภัณฑ์ ฝักบัวอาบน้ำของแบรนด์ Gessi โดยพื้นห้องจะเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน
อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ที่โครงการให้จะเป็นแบรนด์ Villeroy & Boch ส่วนตัวก๊อกจะเป็นของแบรนด์ Gessi จากอิตาลี ด้านล่างเป็นตู้สำหรับเก็บของใช้ต่างๆ
ด้านในสุดของห้องน้ำจะเป็นพื้นทีอาบน้ำ ซึ่งโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำให้เพื่อแยกส่วนใช้งานเปียก-แห้ง โดยจะแยกส่วนอาบน้ำฝักบัวกับอ่างอาบน้ำออกจากกัน เพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
ชุดฝักบัวของโครงการใช้แบรนด์ Gessi สามารถปรับอุณหภูมิร้อนเย็นได้ โดยในชุดจะให้ฝักบัวอาบน้ำแบบมีก้านปรับระดับและ Rain Shower มาด้วย
อ่างอาบน้ำเลือกใช้แบรนด์ Gessi เช่นเดียวกัน โดยจะให้ก๊อกผสมและมีฝักบัวอาบน้ำมาให้ด้วย
มาต่อกันที่ห้องขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 86 ตารางเมตรกันครับ โดยยูนิตนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นยูนิตหน้ากว้างถึง 14 เมตร ทำให้ทุกส่วนภายในห้องนี้สามารถรับวิวภายนอกได้บรรยากาศพักอาศัยที่ดีมากทีเดียว
เริ่มจากส่วนแรกกันก่อนครับ เมื่อเปิดประตูเข้าห้องมาประตูจะติดตั้งระบบ Digital DoorLock ไว้ให้ที่ใช้ Keycard หรือกดรหัสผ่านในการเข้าห้อง มาทางขวาของภาพจะเป็นตู้รองเท้าหรือเก็บกระเป๋าเดินทางและชั้นวางของเล็กๆ เพื่อให้เราใช้จัดประเภทเก็บของได้เป็นหมวดหมู่มากขึ้น
อีกฝั่งจะเป็นตู้เก็บรองเท้าและสามารถเก็บของใช้อื่นๆ ไว้ในมุมนี้ได้ โดยตู้ที่โครงการให้มาจะเป็นบานเปิดปิดผิวหน้าบานเป็นไฮกลอสที่ดูเงางาม เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ถัดจากประตูทางเข้าห้องมาจะมีมุมอเนกประสงค์อยู่ ซึ่งตรงนี้เราสามารถจัดให้เป็นมุมนั่งทำงานภายในห้อง และบิวท์ตู้ชั้นวางของให้สูงถึงฝ้าเพดานเหมือนในห้องตัวอย่าง เพื่อให้เก็บของเก็บหนังสือต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ
ถัดมาจะเป็นส่วนนั่งเล่นซึ่งโครงการจะจัดเอาไว้ใกล้กับระเบียงห้อง เพื่อให้ได้พื้นที่สำหรับพักผ่อนที่ดูสวยงามโปร่งโล่ง โดยมุมจะใช้พื้นเป็นไม้ Engineering Wood สีเข้ม สามารถจัดโซฟาสำหรับนั่ง 2 คน และเสริมด้วยอาร์มแชร์ได้อีก 1 ตัว โดยส่วนนั่งเล่นนี้มีระยะรับชมจากโทรทัศน์ไปยังโซฟารองรับโทรทัศน์จอใหญ่ 46 นิ้วขึ้นไปได้
ระเบียงห้องจะออกแบบให้มีทั้งความกว้างและความลึกที่เจ้าของห้องสามารถออกไปใช้งานได้ โดยสามารถจัดเป็นมุมนั่งพักผ่อนชิลๆ ริมระเบียงได้ด้วยเช่นกัน
ถัดจากส่วนนั่งเล่นไปจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร โดยโต๊ะรับประทานอาหารในห้องตัวอย่างจะแต่งไว้สำหรับรองรับสมาชิกได้ 6 คนทีเดียว ดังนั้นถ้ามีเพื่อนสนิทมาเยี่ยมที่ห้องก็มีพื้นที่ไว้รับรองแขกได้สบายๆ ครับ
ข้างๆ โต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นห้องครัวเปิด โดยจะเป็นพ็อคเก็ตที่แยกส่วนออกจากพื้นที่ Living Area ทำให้ส่วนใช้สอยต่างๆ ภายในห้องดูเป็นสัดส่วน
ภายในห้องครัวจะให้ชุดครัวแบบ Custom-made โดยจะเป็นชุดครัวเข้ามุมเป็นรูปตัว L ซึ่งจะให้ตู้ครัว ตู้แขวนเหมือนกับในห้องตัวอย่าง ปิดผิวหน้าบานเป็นไฮกลอส บานปิดเป็นแบบ Soft Close เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้จะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าและฮู้ดดูดควันของ Kuppersbusch ซิงก์ล้างจานท็อปเป็นหิน Quartz
ระหว่างโต๊ะทานอาหารและห้องครัวจะมีทางเดินเชื่อมไปยังห้องนอนทั้งสองห้องคั่นอยู่ โดยก่อนจะเข้าไปยังส่วนห้องนอนโครงการจะให้ตู้ครัวตั้งพื้นมาอีก 1 จุด โดยจะแบ่งช่องไว้เป็นตู้แช่ไวน์และเตาไมโครเวฟ
สำหรับห้องน้ำใช้ร่วมกันจะอยู่ที่ทางเดินเชื่อมไปยังห้องนอนทั้งสองห้อง โดยภายในห้องนี้จะมีอ่างล้างมือแบบฝังลงเคาน์เตอร์ของ Villeroy & Boch ที่ผนังติดตู้กระจกสำหรับเก็บของใช้ต่างๆ ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์และด้านในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำ
เหนืออ่างโครงการจะติดตู้กระจกซึ่งด้านในเปิดออกมาจะแบ่งเป็น 3 ช่อง ไว้เลือกเก็บวางของใช้ได้เป็นระเบียบ
โถสุขภัณฑ์ที่โครงการใช้จะเป็นแบรนด์ Villeroy & Boch ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำซึ่งติดประตูและฉากกั้นอาบน้ำให้ โดยด้านในให้เป็นฝักบัวอาบน้ำและ Rain Shower
มาเริ่มจากห้อง Master Bedroom กันก่อนครับ ห้องนี้มีความกว้างขวางดี ทั้งด้วยขนาดพื้นที่ในแนวราบ ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 3 เมตร และกระจกห้องแบบ Full Height ทำให้ห้องนอนดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด โดยห้องนี้จะสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ ครับ
ฝั่งปลายเตียงจะมีช่องทางเดินสำหรับเดินเข้าไปฝั่งติดกระจกห้อง โครงการจะแต่งมุมนี้โดยบิวท์ชั้นวางของติดกับผนังไว้เหนือโทรทัศน์ และบิวท์อีกชั้นให้ยาวเต็มพื้นที่ผนังเพื่อใช้เป็นตู้วางโทรทัศน์และโต๊ะอเนกประสงค์
สำหรับความพิเศษของห้องนี้คือจะมีตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet เข้ามุมห้อง ทำให้แบ่งตู้ออกเป็น 2 ฝั่งใช้งานแบบ His & Her ได้

ห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom จะใช้อ่างล้างมือของ Villeroy & Boch แบบฝังลงเคาน์เตอร์ ถัดไปเป็นสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวของ Villeroy & Boch เช่นกัน และด้านในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำแยก Shower กับอ่างอาบน้ำ
เหนืออ่างล้างมือจะเป็นตู้เก็บของสำหรับใช้เก็บครีมต่างๆ แก้วน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟันต่างๆ ได้เป็นระเบียบ โดยหน้าบานด้านนอกจะปิดเป็นกระจกเงาให้เต็มพื้นที่ผนังครับ
ในพื้นที่อาบน้ำจะใช้อ่างอาบน้ำของ Gessi โดยจะให้เป็นก๊อกผสม มีฝักบัวสำหรับนั่งอาบน้ำในอ่างให้ ด้านข้างอ่างอาบน้ำเป็นฝักบัวอาบน้ำ โดยในชุดจะมีทั้งฝักบัวอาบน้ำพร้อมก้านปรับระดับ Rain Shower และช่องเก็บของที่ผนัง
สำหรับห้องนอนที่ 2 จะอยู่บริเวณช่วงกลางของยูนิต ซึ่งภายในห้องก็จะกว้าง สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้
ด้านข้างเตียงนอนจะเหลือพื้นที่เป็นทางเดินและสามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ โดยส่วนตู้เสื้อผ้าตรงนี้ทางโครงการจะไม่มีติดตั้งมาไว้ให้
ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอนโครงการตกแต่งโชว์โดยบิวท์ชั้นวางของติดผนังไว้ด้านบน ส่วนชั้นล่างจะบิวท์ตู้โทรทัศน์ให้ยาวเกือบเต็มพื้นที่ แบ่งใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ใช้แต่งหน้า หรือกางโน้ตบุ๊คเพื่อทำงานในห้องได้
Price
โครงการ LAVIQ สุขุมวิท 57 ตอนนี้สร้างเสร็จพร้อมโอนแล้ว โดยจะขายห้องเป็นแบบ Fully Fitteds สำหรับ 1 ห้องนอน 42 ตารางเมตร มีราคาเริ่มต้นที่ 10.9 ล้านบาท และ 2 ห้องนอน 79 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท โดยโดยมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่ 260,000 บาท
Conclusion
โครงการ LAVIQ สุขุมวิท 57 เป็นคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่บนทำเลทองหล่อ ซึ่งศักยภาพของทำเลนี้ก็เป็นที่ยอมรับทั้งในเรื่องไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน ดึงดูดผู้เช่าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ความสะดวกสบายใกล้โครงการมีพร้อมทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วน ทำให้สามารถเดินทางไปยังจุดสำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ ได้ง่าย
ด้านตัวโครงการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้อย่างหรูหรา เน้นบรรยากาศการใช้สอยที่มีความเป็นส่วนตัว ได้วิวเมืองโซนสุขุมวิทในมุมกว้าง ซึ่งส่วนกลางที่โครงการจัดมาให้ก็นับว่ามุมให้เลือกใช้สอยได้หลากหลายดี รวมถึงสระว่ายน้ำที่ออกแบบให้ทอดยาวรับกับวิวเมืองได้สวยงาม
ส่วนยูนิตพักอาศัยจะเป็นยูนิตที่มีขนาดกำลังเหมาะสำหรับอยู่อาศัยได้ทั้งคนเดียวและแบบเป็นครอบครัว ส่วนใช้สอยในห้อง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ออกแบบให้เป็นส่วนที่รับวิวเมือง มีความโปร่งโล่งกว้างขวาง วัสดุที่เลือกใช้ก็เป็นวัสดุคุณภาพดูหรูหราสมราคา
สำหรับโครงการนี้โดยภาพรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้สวยงามทีเดียว ซึ่งราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของโครงการจะอยู่ที่ 260,000 บาท ถือว่าไม่สูงถ้าเทียบกับโครงการอื่นใกล้เคียงช่วงต้นซอยทองหล่อที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 340,000 บาทต่อตารางเมตร แม้ว่าตัวโครงการจะไม่ได้อยู่ในซอยทองหล่อแต่ก็อยู่ในซอยติดกัน สามารถเดินลัดเข้าช่วงต้นซอยทองหล่อได้ และได้บรรยากาศการอยู่อาศัยที่ไม่แตกต่าง ดังนั้นถ้ากำลังมองหาคอนโดโซนทองหล่ออยู่ โครงการ LAVIQ สุขุมวิท 57 ก็เป็นโครงการที่น่าสนใจทีเดียวครับ
Fact Sheet
ชื่อโครงการ | LAVIQ สุขุมวิท 57 |
---|---|
เจ้าของโครงการ | บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด |
ที่ตั้ง | ซอยสุขุมวิท 57 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ |
ที่ดินโครงการ | 2-1-65 ไร่ |
ประเภทโครงการ | คอนโดมิเนียมสูง 33 ชั้น 1 อาคาร |
แบบห้อง | 1 ห้องนอน : 42-45 ตารางเมตร 2 ห้องนอน : 79-92 ตารางเมตร 3 ห้องนอน : 115-144 ตารางเมตร Duplex : 97 ตารางเมตร Penthouse : 244-357 ตารางเมตร |
สิ่งอำนวยความสะดวก | Lobby, Sanctuary Hill Garden, Sculptural Garden, สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge, Golf Simulator, Fitness, ห้องโยคะ, Sky Deck, Party Terrace, Social Club, Executive Lounge |
ระบบรักษาความปลอดภัย | เจ้าหน้าที่รักษาควาปลอดภัย 24 ชั่วโมง, กล้อง CCTV, Card Access, ลิฟต์ล็อคชั้น, Digital Door Lock |
ราคาเริ่มต้น | 10.9 ล้านบาท |
โทรศัพท์ | 1232 |
เว็บไซต์ | https://www.laviq.com/ |
อ่านพรีวิวโครงการอื่นๆ คลิกที่นี่ www.home.co.th/review
ติดตามข้อมูลโครงการและความเคลื่อนไหวด้านอสังหาฯ www.home.co.th และwww.facebook.com/Homebuyersfanpage
หรือชมวิดีโออื่นๆ คลิกที่นี่ www.home.co.th/vdo , www.youtube.com/tvhomebuyer
การคำนวณยอดผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน
ปรับรายละเอียดด้านล่างเพื่อคำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือน