รีวิวทาวน์โฮม เดอะ มิราเคิล พลัส เพชรเกษม 63 โครงการ 3 ทาวน์โฮมสไตล์อังกฤษ พื้นที่กว้างเทียบบ้านเดี่ยว พร้อมฟังก์ชันสุดคุ้ม ทำเลเดินทางเชื่อมต่อถนนเส้นสำคัญได้ง่าย

โครงการเดอะ มิราเคิล พลัส เพชรเกษม 63 โครงการ 3 พัฒนาโครงการโดย บริษัท วีไอพี กรุ๊ปส์ จำกัด ในเครือบริษัท อัคร บ้านและที่ดิน จำกัด ซึ่งมีผลงานพัฒนาโครงการหลายแห่งทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม โดยมีโครงการเด่นๆ เช่น The Obsidian พุทธมณฑล สาย 1, The Mateo เศรษฐกิจ-คลองครุ รวมถึงคอนโดมิเนียม The Matt สาทร-ท่าพระ 1-2, The Matt สุขุมวิท 101/1 ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยของทางบริษัท วีไอพี กรุ๊ปส์ คือแนวคิดการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัยและยังให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด

สำหรับโครงการเดอะ มิราเคิล เพชรเกษม 63 โครงการ 3 จะอยู่ในทำเลเพชรเกษม 63 ซึ่งอยู่ในโซนที่อยู่อาศัยแนวราบที่ได้รับสนใจจากคนเลือกซื้อหาบ้าน เพราะมีทั้งความสะดวกสบายในการเดินทาง มีแหล่งไลฟ์สไตล์สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยังเป็นทำเลที่ราคาบ้านไม่สูงมาก สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย

Location

ที่ตั้งโครงการเดอะ มิราเคิล พลัส เพชรเกษม 63 โครงการ 3 ตั้งอยู่ในซอยเพชรเกษม 63 โดยจะอยู่เข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 3.2 กิโลเมตร ซึ่งที่ตั้งของโครงการนั้นมีจุดเด่น ได้แก่ สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ใกล้ความสะดวกสบายในทำเลเพชรเกษมช่วงซอย 63-69 สามารถทะลุไปซอย 81 ได้ด้วย และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกของช่วงเพชรเกษม-บางแค

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านในทำเลตามแนวถนนเพชรเกษมก็คงเห็นกันแล้วว่า โครงการบ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่โดยเฉพาะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าช่วงตั้งแต่แยกบางหว้า มาจนถึงบริเวณจุดตัดกับถนนกาญจนาภิเษกนั้นมีราคาสูงขึ้นมากทีเดียว โดยเฉพาะหลังจากรถไฟฟ้า MRT เปิดให้บริการถึงสถานีหลักสอง 

โดยสำหรับกลุ่มคนทำงานในโซนสาทร สีลม ที่มองหาบ้านทำเลที่เหมาะสมที่สุดก็จะเป็นช่วงตามแนวถนนเพชรเกษมมาจนถึงบางแค ซึ่งราคาที่อยู่อาศัยในโซนนี้หากเป็นคอนโดมิเนียมก็จะมีราคาเริ่มต้นราว 2 ล้านกว่าบาท แต่ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวที่เข้าไปในซอยสักเล็กน้อยราคาจะอยู่ที่ 6-7 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าสูงเกินระดับที่คนทำงานส่วนมากจะซื้อหาเป็นเจ้าของได้

ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้ทำเลที่ขยับออกมาจากโซนบางแคเล็กน้อยอย่างช่วงเพชรเกษม 63-69 ได้รับความนิยม ทั้งด้วยตัวถนนในซอยที่สามารถลัดเชื่อมต่อกัน ใกล้ถนนสำคัญหลายเส้นทั้งถนนเพชรเกษม, ถนนบางบอน 3, ถนนบางบอน 5, ถนนกัลปพฤกษ์, ทางยกระดับถนนกัลปพฤกษ์-พุทธสาคร, ถนนกาญจนาภิเษก และยังมีถนนเส้นใหม่ในอนาคต ได้แก่ ถนนกัลปพฤกษ์-พุทธสาคร ที่จะช่วยให้เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกมากขึ้น และนอกจากนี้ในปัจจุบันก็มีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่เปิดให้บริการถึงสถานีหลักสองบริเวณหน้าห้างเดอะมอลล์ บางแค ซึ่งในอนาคตยังมีส่วนต่อขยายหลักสอง-พุทธมณฑลสาย 4 ผ่านหน้าซอยเพชรเกษม 63 ไปสิ้นสุดที่บริเวณแยกพุทธสาครอีกด้วย

การเดินทางมายังโครงการ 

สำหรับการเดินทางมายังโครงการนั้นสามารถมาได้หลายเส้นทาง ทั้งจากถนนกาญจนาภิเษกเลี้ยวเข้าถนนเพชรเกษม หรือหากมาจากถนนราชพฤกษ์ก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษมได้เลยเช่นกัน โดยเมื่อเข้าสู่ถนนเพชรเกษมแล้วให้ขับตรงไปจนเลยจุดตัดกับถนนกาญจนาภิเษก จากนั้นขับต่อไปประมาณ 1.2 กิโลเมตร ให้ชิดซ้ายเลี้ยวเข้าซอยเพชรเกษม 63 จากนั้นให้ขับตรงไปตามเส้นทางไปวัดม่วง ซึ่งจะเจอกับโครงการเดอะ มิราเคิล เพชรเกษม 63 โครงการแรกก่อน จากนั้นให้เราขับลัดเลาะผ่านด้านข้างโครงการเข้ามาตามป้ายบอกทาง ซึ่งจะพาเราไปยังโครงการเดอะ มิราเคิล เพชรเกษม 63 โครงการ 3

หากมาจากถนนกาญจนาภิเษกหรือราชพฤกษ์เมื่อเข้าสู่เพชรเกษมให้ขับตามป้ายมุ่งหน้าไปนครปฐม โดยเมื่อผ่านถนนกาญจนาภิเษกมาแล้วให้ขับตรงไปประมาณ 1.2 กิโลเมตร

จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพชรเกษม 63

เมื่อเข้ามาในซอยแล้วให้ขับตรงไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร

ตลอดเส้นทางจะมีป้ายบอกทางของโครงการติดเป็นระยะให้เราสังเกตได้ง่าย

ก่อนถึงทางเข้าโครงการจะผ่านเดอะ มิราเคิล พลัส เพชรเกษม 63 โครงการ 1 ก่อน ให้เราเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอย โดยหน้าซอยจะมีร้าน 7-Eleven อยู่ด้านหน้า

จากนั้นเมื่อเลี้ยวเข้ามาให้ขับไปตามเส้นทางเพื่อไปยังโครงการที่ 3

เมื่อเข้ามาถึงสามแยกให้เราเลี้ยวซ้าย

ขับต่ออีกเล็กน้อยจะเห็นป้ายโครงการขนาดใหญ่อยู่ทางขวามือ

สิ่งอำนวยความสะดวก

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้โครงการ ระหว่างทางบนถนนในซอยเพชรเกษม 63 มีทั้งร้านอาหารร้านสะดวกซื้อให้สามารถแวะได้ระหว่างทางกลับบ้าน หรือหากออกไปทางซอยเพชรเกษม 69 ก็จะมีสวนสาธารณะบางแคภิรมย์ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โครงการมาก และในอนาคตจะมีตลาดเปิดที่นี่ด้วย ทำให้เรื่องการจับจ่ายใช้สอยซื้อของกินของใช้ใกล้บ้านมีความสะดวกมากๆ นอกจากนี้ซอยเพชรเกษม 69 ก็ยังเป็นแหล่งรวมของกินร้านอาหารไว้มากมาย รวมถึงที่ปากซอยยังมีศูนย์การค้า  Victoria Gardens ที่มีทั้งร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตให้ได้แวะเลือกซื้อของใช้กัน

สวนบางแคภิรมย์บนถนนเพชรเกษม 69

สำหรับศูนย์การค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในทำเลนี้ก็จะมี ห้าง Big C Extra ที่ภายในนอกจากมีซูเปอร์มาร์เก็ตของบิ๊กซีแล้วก็จะมีทั้ง HomePro, Major Cineplex ไว้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ซื้อหาของใช้วันหยุด หรือหากย้อนไปทางบางแคก็จะมีห้างเดอะมอลล์ บางแค, ซีคอนบางแค หรือบนถนนสำคัญใกล้เคียง เช่น ถนนกาญจนาภิเษกก็จะมีศูนย์การค้าเดอะพาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก บนถนนราชพฤกษ์จะมีศูนย์การค้าเดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ เป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารคาเฟ่หลักๆ ของทำเลนี้

Makro Food Service ในบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์

บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ใกล้โครงการ สามารถใช้เป็นที่จับจ่ายใช้สอยของกินของใช้ได้

หัวมุมถนนเพชรเกษม 69 จะมี Victoria Gardens เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ มีทั้งร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ตของ Foodland

ห้างสรรพสินค้าใหญ่จะมีซีคอน บางแค

ห้างเดอะมอลล์ บางแคอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีหลักสอง

Project

โครงการเดอะ มิราเคิล เพชรเกษม 63 โครงการ 3 จะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ในบรรยากาศสไตล์อังกฤษที่ช่วยสร้างบรรยากาศภายในโครงการให้ดูสบายๆ มีความผ่อนคลายน่าพักอาศัย

โดยภายในพื้นที่โครงการจัดเตรียมสวนสาธารณะขนาดใหญ่พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ เอาไว้รองรับการพักผ่อนของสมาชิกในโครงการ ภายในโครงการจะเตรียมระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานโครงการบ้านยุคใหม่ โดยใช้ระบบ Easy Pass สำหรับสั่งการเปิดประตูไม้กระดก ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถขับรถแล้วชะลอที่หน้าโครงการเพื่อสั่งเปิดประตูได้เลย ส่วนผู้มาติดต่อก็ต้องแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ แจ้งบ้านเลขที่เข้ามาติดต่อก่อนเข้าโครงการ และที่ซุ้มโครงการจะมีเจ้าหน้าที่ รปภ.และกล้อง CCTV สอดส่องตลอด 24 ชั่วโมง

ทางเข้าโครงการจะมีป้อมรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าทางเข้า

กล้อง CCTV ที่ป้อมรักษาความปลอดภัย

เครื่องอ่านระบบ Easy Pass สำหรับสั่งเปิดประตูไม้กระดก

Product

แบบบ้านของโครงการจะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 146 ตารางเมตร หน้ากว้าง 5.7 เมตร ภายในบ้านจะเป็นฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ซึ่งถือว่าเป็นฟังก์ชันทาวน์โฮม มาตรฐานยุคใหม่

แบบบ้านเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ทำให้หน้าบ้านกว้างขวาง จอดรถได้ 2 คัน เปิดประตูขึ้นลงรถได้สะดวก

สำหรับจุดเด่นของการออกแบบตัวบ้านเน้นที่ความโปร่งโล่ง กว้างขวาง พักผ่อนใช้สอยได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยความกว้างของหน้าบ้านที่ 5.7 เมตรนี้สามารถรองรับการจอดรถได้ 2 คัน เปิดประตูขึ้นลงรถได้สบาย รวมถึงที่จอดรถยังมีความลึกเพียงพอ สามารถจอดรถกระบะ รถ SUV ภายในบ้านได้

พื้นที่จอดรถของบ้านมีความลึก สามารถจอดได้ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ และ SUV 

ภายในตัวบ้านชั้นล่างออกแบบพื้นที่ให้มีความโปร่งโล่งเป็น Combine Space ที่สามารถใช้สอยพักผ่อนกันพร้อมหน้าครอบครัวได้ รองรับสมาชิกได้ตั้งแต่ 4-6 คน
แบบบ้านชั้นล่างจะจัดพื้นที่ใช้สอยเรียงตามแนวลึกของตัวบ้าน โดยวางห้องนั่งเล่นรับแขก ไว้อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าบ้านเพื่อให้มีความสะดวกในการใช้งานรับแขก หรือหากใช้นั่งพักผ่อนก็จะได้ความโปร่งโล่งจากประตูฝั่งหน้าบ้าน

บ้านชั้นล่างออกแบบให้โปร่งโล่งไปจนสุดด้านหลังบ้าน เป็นห้องขนาดใหญ่รองรับการพักผ่อนพร้อมหน้าของครอบครัว

ห้องนั่งเล่นรับแขกจัดไว้ใกล้กับประตูทางเข้าบ้าน เพื่อให้ได้ความโปร่งโล่งจากประตูบานเลื่อนและเพื่อความสะดวกในการใช้พักผ่อน-รับแขกมากที่สุด

ถัดมาทางด้านหลังบ้านจะเป็นส่วนรับประทานอาหารที่ออกแบบไว้ให้เชื่อมต่อกับพื้นที่ซักล้างด้านหลังบ้าน ซึ่งพื้นที่ซักล้างด้านหลังบ้านนี้ก็สามารถดัดแปลงเป็นห้องครัวที่แยกออกจากตัวบ้านได้ โดยโครงการจะทำการลงเสาเข็มพื้นที่ซักล้างเอาไว้ รวมถึงก่อผนังขึ้นมาทั้ง 3 ด้านเพื่อรองรับการติดตั้งหลังคาในภายหลัง

ส่วนรับประทานอาหารจัดให้อยู่ถัดมาด้านหลังบ้านเพื่อให้เป็นพื้นที่สามารถใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยสามารถจัดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับนั่งได้ 4-6 คน รองรับขนาดครอบครัวคนไทยยุคใหม่ได้สบายๆ

ตำแหน่งของส่วนรับประทานอาหารออกแบบให้ใช้งานเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ซักล้างด้านหลังบ้านได้สะดวก เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้สอยของลูกบ้านที่มักทำพื้นที่ด้านหลังเป็นห้องครัวแยกออกจากตัวบ้าน

พื้นที่ซักล้างด้านหลังบ้านมีความลึกที่ 2.5 เมตร ซึ่งถือว่ามากกว่าโครงการทาวน์โฮมทั่วไปถึง 50 เซนติเมตร จึงสามารถเว้นช่องทางเดินเข้าออกหรือวางของใช้อื่นๆ ได้ง่าย และยังมีความกว้างถึง 5.7 เมตร จึงสามารถใช้ชุดครัวขนาดใหญ่ได้พื้นที่ใช้งานและจัดเก็บได้มากขึ้น

อีกมุมของพื้นที่ซักล้างถูกตกแต่งไว้เป็นห้องสำหรับซักรีดที่สามารถวางเครื่องซักผ้า รวมถึงทำชั้นวางของ แขวนเสื้อผ้าไว้ภายในบ้านได้

สำหรับบ้านแปลงหัวมุมอย่างเช่นในบ้านตัวอย่างจะมีพื้นที่เปิดโล่งข้างตัวบ้านที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งโครงการจะทำเป็นห้องพักผ่อนรับรองแบบ Glass House ยื่นออกจากตัวบ้าน โดยพื้นที่ตรงส่วนนี้สามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่นที่ 2 หรือห้องทำงานของครอบครัวได้อีกห้อง

พื้นที่ห้องด้านข้างของบ้านตัวอย่างตกแต่งโชว์โดยใช้ผนังกระจกรอบด้านทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งห้อง

นอกจากนี้ยังสามารถทำทางเดินจากหน้าบ้านให้เปิดเข้าสู่ภายในบ้านจากทาง Glass House นี้ได้โดยตรง

โดยภายในชั้นล่างนี้ก็จะมีห้องอเนกประสงค์สามารถปรับใช้เป็นได้ทั้งห้องทำงาน หรือห้องเลี้ยงเด็กสำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็ก เพื่อให้สามารถดูแลเด็กเล็กได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงยังสามารถปรับใช้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกเดินขึ้นลงชั้น 2 ของบ้านได้

ห้องชั้นล่างนี้มีพื้นที่สามารถจัดเป็นห้องนอนเพิ่มเติมได้อีกห้อง ในบ้านตัวอย่างจะตกแต่งมุมนี้ไว้โดยวางเตียงนอน 3.5 ฟุต และบิวท์ผนังฝั่งหัวเตียงให้เป็นชั้นวางของ

อีกฝั่งเป็นพื้นที่สำหรับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

สำหรับห้องน้ำชั้นล่างประตูจะอยู่ถัดจากผนังที่วางโทรทัศน์ โดยบ้านตัวอย่างเลือกติดวอลล์เปเปอร์ลายเดียวกับผนังภายในบ้าน เพื่อพรางให้ประตูห้องดูกลมกลืนไปกับบรรยากาศภายใน ซึ่งเราสามารถหยิบไอเดียนี่้ไปใช้เพิ่มความสวยงามให้กับบ้านของเราได้

ห้องน้ำชั้นล่างจะมีสุขภัณฑ์ทั้งอ่างล้างมือ กระจกเงาติดผนัง ฝักบัวอาบน้ำและโถสุขภัณฑ์ 

สำหรับชั้น 2 ของบ้านจะเป็นส่วนพื้นที่พักผ่อนทั้งหมดโดยมีห้องนอนด้วยกัน 3 ห้อง ซึ่งโครงการจะจัด Master Bedroom ไว้ฝั่งด้านหน้าของตัวบ้าน มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่รับวิวโปร่งโล่งของหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนที่ 2 และ 3 จะจัดวางไว้คู่กันฝั่งหลังบ้าน โดยทั้งสองห้องนี้จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยลดหลั่นกันลงมา แต่ยังสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์เป็นห้องนอนได้ครบฟังก์ชัน

ผนังที่บันไดขึ้นชั้น 2 มีหน้าต่างบานช่องแสง ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาในตัวบ้าน เพิ่มแสงสว่างให้กับโถงบันได บันไดบ้านเป็นโครงเหล็ก ลูกตั้งลูกนอนเป็นไม้ยางพารา

ภายใน Master Bedroom ได้ความกว้างขวางเต็มพื้นที่ความกว้างของบ้านนั่นคือ 5.7 เมตร โดยภายในห้องจะจัดพื้นที่แบ่งเป็นส่วนห้องนอนและพื้นที่ตู้เสื้อผ้า ด้วยเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ทำให้การจัดเฟอร์นิเจอร์เพื่อใช้สอยภายในห้องทำได้ง่ายและลงตัว ไม่มีมุมไหนที่รู้สึกคับแคบหรืออึดอัด

เตียงนอนของห้องนี้สามารถเลือกเตียงขนาด 6 ฟุตมาใช้งานได้ โดยฝั่งตรงข้ามเตียงสามารถเลือกใช้ตู้โทรทัศน์เพื่อวางจอโทรทัศน์ โดยเว้นพื้นที่สำหรับเป็นทางเดินไปยังฝั่งริมหน้าต่างได้

ข้างเตียงนอนมีพื้นที่สามารถจัดมุมโต๊ะทำงาน อ่านหนังสือเล็กๆ ได้ โดยโครงการจะมี Outlet สำหรับเสียบปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้ที่ผนัง

พื้นที่อีกฝั่งของบ้านตกแต่งโดยบิวท์ผนังเบาขึ้นกั้นห้องแบ่งส่วนใช้สอย เกิดเป็นห้องนอนและ Walk-in Closet ที่ดูเป็นสัดส่วน สามารถใช้งานทั้งสองส่วนนี้พร้อมกันได้โดยไม่รบกวนการพักผ่อน

ภายใน Walk-in Closet สามารถใช้ตู้เสื้อผ้าทรงสูงถึงฝ้าเพดาน เพื่อให้มีพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวได้อย่างเป็นระเบียบ

ห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว โดยประตูทางเข้าจะอยู่ในส่วน Walk-in Closet ภายในห้องมีอ่างล้างมือ กระจกเงาติดผนัง โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำพร้อมกระจกฉากกั้นอาบน้ำ โดยเว้นช่องทางเดินและระยะห่างระหว่างสุขภัณฑ์แต่ละชิ้นให้ใช้งานได้สะดวก

ห้องนอนที่ 2 จะอยู่ฝั่งหลังบ้านแต่มีพื้นที่กว้างขวาง จากในบ้านตัวอย่างสามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้

อีกฝั่งของห้องจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่เลือกตกแต่งไว้โดยใช้ตู้บานเลื่อนที่สะดวกต่อการใช้สอย ซึ่งเจ้าของบ้านอาจเลือกปิดหน้าบานด้วยกระจกเงาสำหรับใช้ส่องเวลาแต่งตัวได้

ภายในห้องยังมีพื้นที่ข้างเตียงที่จัดเป็นมุมนั่งเล่นและโต๊ะทำงานหันเข้าผนังห้องได้

สำหรับห้องนอนที่ 3 จะมีพื้นที่น้อยที่สุดของบ้าน ซึ่งส่วนเตียงนอนสามารถเลือกใช้เตียง 3.5 ฟุตได้

พื้นที่ข้างเตียงนอนอีกฝั่งจัดมุมนี้เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะอเนกประสงค์ ที่สามารถใช้เป็นทั้งโต๊ะทำงาน และโต๊ะเครื่องแป้งไปในตัว

สำหรับห้องนอนที่ 2 และ 3 จะใช้ห้องน้ำร่วมกันที่บริเวณทางเดินชั้น 2 โดยภายในห้องจัดเรียงให้อ่างล้างมืออยู่ตรงกับประตูทางเข้า และจัดโถสุขภัณฑ์และพื้้นที่อาบน้ำขนาบไว้ทั้งสองด้าน

Price

สำหรับราคาบ้านของโครงการเดอะ มิราเคิล เพชรเกษม 63 โครงการ 3 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท

Conclusion

โครงการเดอะ มิราเคิล เพชรเกษม 63 โครงการ 3 เป็นทาวน์โฮมที่มีความน่าสนใจ สำหรับกลุ่มครอบครัวที่ทำงานในโซนสาทร ตากสิน สีลม วงเวียนใหญ่ โดยที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้ถนนเส้นสำคัญ สำหรับเดินทางเข้าออกเมืองไปยังสถานที่ทำงาน รวมถึงยังอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ของทำเลถนนเพชรเกษม บางแค ถนนราชพฤกษ์ และถนนกาญจนาภิเษก ทำให้เรื่องการใช้ชีวิตมีความสะดวกสบายรองรับ
สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการได้จัดเตรียมสวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 1 ไร่เอาไว้เพื่อรองรับการพักผ่อนของลูกบ้านในโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัยก็จัดมาได้มาตรฐานของโครงการบ้านยุคใหม่
สำหรับแบบบ้านนั้นจุดเด่นหลักๆ คือพื้นที่ใช้สอยที่ให้มาขนาดใหญ่ถึง 146 ตารางเมตร เทียบเท่ากับบ้านเดี่ยวเลยทีเดียว ทำให้ภายในบ้านมีความกว้างขวางโปร่งโล่ง ใช้พักผ่อนอยู่อาศัยได้สบาย ฟังก์ชันบ้านสามารถจัดเป็นห้องนอนได้ถึง 4 ห้องนอน ซึ่งให้ความคุ้มค่าในการใช้สอย เนื่องจากมีห้องนอนเพิ่มอีก 1 ห้องที่สามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ส่วนใช้สอยต่างๆ มีขนาดพื้นที่ออกแบบมาได้ลงตัว รวมถึงยังมีการออกแบบพื้นที่ส่วนอื่นๆ เช่น พื้นที่ซักล้างที่ลงเสาเข็มเทปูนปูกระเบื้อง และก่อผนังขึ้นทั้ง 3 ด้านเพื่อรองรับการใช้เป็นห้องครัวแยกหรือพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ
สุดท้ายคือเรื่องของราคา 2.99 ล้านบาท ซึ่งราคานี้ถือว่าเป็นราคาดีทีเดียว เพราะถ้าหากมองหาที่อยู่อาศัยในช่วงประมาณตั้งแต่ 2-3 ล้านบาทในทำเลช่วงเพชรเกษม-บางแค ก็จะเห็นว่าราคา 2 ล้านบาทขึ้นไปจะสามารถหาซื้อได้เพียงคอนโดมิเนียมที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 20 กว่าตารางเมตรเท่านั้น รวมถึงยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่จอดรถที่ตัวบ้านสามารถจอดรถได้ 2 คัน เหมาะสมกับการเดินทางของทำเล และได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า ทำให้สามารถรองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวในอนาคตได้
ดังนั้นถ้ากำลังมองหาที่อยู่อาศัยในโซนเพชรเกษม-บางแค โครงการเดอะ มิราเคิล เพชรเกษม 63 โครงการ 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งด้วยราคาที่ไม่สูง ทำเลเชื่อมต่อเดินทางสะดวก และมีแบบบ้านพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่

Fact Sheet