รีวิวบ้านหรู PINE Wellness Residence Prachachuen ออกแบบภายใต้แนวคิด Multi-Generation wellness residence บ้านที่ให้ทุกสมาชิกในครอบครัวมีสุขภาพที่ดี แห่งแรกบนทำเลประชาชื่น

ทั้งมาพร้อมกับงานดีไซน์บ้านที่ให้ความเรียบหรูสง่างามและดูอบอุ่นในสไตล์ British Timeless Elegance และมอบประสบการณ์ให้ทุกครอบครัวพักอาศัยได้อย่างอยู่ดีมีสุข ด้วยการใส่ใจและให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ให้มีการออกแบบ Universal Design เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ภายใต้การพักผ่อนในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและได้ความเป็นส่วนตัว มีเพื่อนบ้านเพียง 62 หลัง ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมดูแลความปลอดภัย 24 ชม.

โครงการที่โดดเด่นในเรื่อง Health & Wellness Service จะเป็นอย่างไรและบรรยากาศจริงของโครงการจะน่าอยู่ขนาดไหนตาม Home Buyers ไปดูกันได้ในรีวิวนี้

Factsheet

ชื่อโครงการ :	ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น
บริษัท :	บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ :	ถนนสามัคคี ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
รายละเอียดโครงการ :	บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น 4 ห้องนอน 4-5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
พื้นที่โครงการ :	11-1-49.6 ไร่
จำนวน :	62 ยูนิต
ขนาดที่ดิน :	เริ่มต้น 35.2 - 60.4 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย :	205 - 255 ตร.ม.
ราคา :	เริ่มต้น 12 - 20 ล้านบาท* (สอบถามโครงการอีกครั้ง)
ค่าส่วนกลาง :	78 บาท/ตร.ว./เดือน
รูปแบบการก่อสร้าง :	Precast
สิ่งอำนวยความสะดวก :	Clubhouse, Swimming Pool, Double Volume Lobby, Meeting Chamber, Gym, Wellness Room, Play Yard, Kid Zone, British Backyard
ระบบความปลอดภัย :	ซุ้มประตูอัตโนมัติ เข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Bluetooth, ติดตั้ง CCTV, เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย 24 ชม.
โทร :	1739
เว็บไซต์ :	https://www.pruksa.com/pine/wellness-residence-prachachuen

Highlight

สัมผัสความเรียบหรูด้วยบ้านดีไซน์สไตล์ British Timeless Elegance ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Cluster Home ในประเทศอังกฤษ โดยได้นำจุดเด่นของบ้านสไตล์นี้มาออกแบบให้บ้านในโครงการดูสง่างามอย่างโมเดิร์น มีเอกลักษณ์ชัดเจนในแบบยุโรป นอกจากนั้นยังได้ตกแต่งด้วยช่องแสงที่สูงโปร่ง เปิดรับลมและแสงธรรมชาติได้เต็มที่อย่างต่อเนื่องทั่วทั้งหลัง

บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ออกแบบให้มี 3 ชั้น 4 ห้องนอน มาพร้อมพื้นที่อเนกประสงค์ ทุกหลังจอดรถได้ถึง 3 คัน สามารถรองรับให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่ทำกิจกรรมสำหรับครอบครัวได้อย่างเพียงพอ ทั้งยังเน้นให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ได้ทุก Generation และติดตั้งระบบ Home Automation เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายในการพักอาศัยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญทุกพื้นที่ในโครงการได้ออกแบบการใช้งานรูปแบบ Universal Design ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือพื้นที่ส่วนกลาง รวมทั้งมาพร้อมกับบริการ Health & Wellness Service เข้ามาดูแลสุขภาพของผู้พักอาศัยถึงบ้านภายใต้การรับคำปรึกษาและร่วมมือจาก รพ.วิมุต อีกทั้งยังมีบริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Service) มาดูแลและช่วยอำนวนความสะดวกทุกความต้องการให้ทุกครอบครัวอยู่ดีมีสุขได้อย่างลงตัว

ส่วนกลางมีให้ครบครัน ครอบคลุมทั้งการพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นจะมี Double Volume Lobby, Swimming Pool, Meeting Chamber และอื่นๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นด้วยสวนสีเขียว ซึ่งจะมีทั้งโซน Play Yard และ British Backyard สวนหลังบ้านที่ทุกคนสามารถเข้ามานั่งพักผ่อนร่วมกันภายใต้ระบบความปลอดภัย 24 ชม. และเป็นส่วนตัวเพียง 62 ยูนิต

ทำเลโซนประชาชื่น โดยโครงการอยู่ติดถนนสามัคคี ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนประชาชื่นและถนนติวานนท์ เดินทางง่ายใกล้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีสามัคคี (1.6 กม.) และทางพิเศษศรีรัช ด่านงามวงศ์วานและด่านแจ้งวัฒนะ เชื่อมต่อเข้าสู่เมืองชั้นในกรุงเทพฯ ได้สะดวก รอบๆ โครงการยังมีห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตให้ใช้บริการทั้ง The Mall Lifestore งามวงศ์วาน, Central แจ้งวัฒนะ, Makro แจ้งวัฒนะ และอื่นๆ อีกเพียบ

Facility

เมื่อมาถึงโครงการจะเจอกับ Main Gate เป็นอันดับแรก ซึ่งด้านหน้าโครงการนี้จะอยู่ติดกับถนนสามัคคี การเข้า-ออกโครงการก็นับว่าสะดวก เชื่อมต่อถนนใหญ่อย่างถนนประชาชื่นและถนนติวานนท์ได้ในทันที ในเรื่องของงานดีไซน์มีความโดดเด่นตกแต่งด้วยวัสดุลวดลายหินธรรมชาติในรูปทรงเหลี่ยม สื่อถึงความมั่นคงและดูเรียบหรู มาพร้อมกับป้ายชื่อโครงการและจัดสวนหย่อมเพิ่มความสดชื่นสบายตา

โดย Main Gate ได้ออกแบบให้มีช่องทางสัญจรเข้า-ออกแยกเป็น 2 ฝั่ง ประตูรั้วเหล็กจะเป็นระบบไฟฟ้าแบบรางเลื่อน ทั้งยังเสริมด้วยราวกั้นไม้กระดกอีก 1 ชั้น เพื่อให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ตรงกลางจะเป็นป้อมประจำการสำหรับรปภ. ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกดูแลความสงบเรียบร้อยให้ 24 ชม.

ลูกบ้านสามารถเข้า-ออกได้สะดวกด้วยระบบ Bluetooth ส่วนผู้มาติดต่อต้องแลกบัตรก่อนเข้าไปภายในโครงการ รวมถึงยังได้ติดตั้ง CCTV ทั้งตรง Main Gate และกระจายตามจุดสำคัญทั่วโครงการพร้อมกับล้อมรั้วทึบรอบโครงการสูง 3 ม. เสริมด้วยระแนงเหล็กแหลมอีก 60 ซม. พักอาศัยได้อย่างอุ่นใจ

หลังจากผ่าน Main Gate เข้ามา ถนนทางเข้าบริเวณ Main Gate จะกว้างประมาณ 12 ม. เมื่อเข้ามาด้านในโครงการถนนหลักและถนนในซอยบ้านจะกว้างประมาณ 9 ม. ซึ่งถนนหลักจะเชื่อมมายังบ้านตัวอย่าง VIRGINIA PINE และพื้นที่ส่วนกลาง โดยตำแหน่งจะอยู่ประมาณช่วงตรงกลางของโครงการ

พื้นที่ส่วนกลางจะมีทั้งอาคาร Clubhouse ที่รองรับการทำกิจกรรมต่างๆ ในร่มหรือกึ่งกลางแจ้ง ใช้งานได้ถึง 3 ชั้น ส่วนด้านข้างได้ออกแบบให้เป็นพื้นที่สวนสีเขียว Play Yard มาพร้อม Kid Zone เครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ และมี Senior Zone เป็นพื้นที่กลางแจ้งที่สามารถมาทำกิจกรรมร่วมกันได้ทั้งครอบครัวในบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ

อาคาร Clubhouse จะมีถึง 3 ชั้น ซึ่งออกแบบใน Concept เดียวกันกับงานดีไซน์บ้านในสไตล์ยุโรป มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมอังกฤษ โดยลดทอนองค์ประกอบเพื่อให้รูปทรงอาคารมีความเป็นโมเดิร์นมากขึ้น มาผสานกับซุ้มโค้งเพื่อให้ดูมีลูกเล่นที่น่าสนใจ อีกทั้งเมื่อมีแสงมาตกกระทบ จะเกิดเงาที่สวยงาม สร้างความผ่อนคลายในการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี 

ยิ่งไปกว่านั้นทุกพื้นที่ในส่วนกลางได้ออกแบบโดยคำนึงถึงคนทุกช่วงวัยให้เข้ามาใช้บริการได้สะดวกและปลอดภัย ซึ่งจะมีทั้งทางลาด โถงลิฟต์ และห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการอีกด้วยค่ะ

เริ่มต้นด้วยจากด้านหน้าอาคาร Clubhouse จะมีประตูทางเข้าหลัก โดยออกแบบพื้นให้เป็นทางลาดไว้สำหรับเข็นรถวีลแชร์เข้ามาด้านในได้ ฟังก์ชันแรกของชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ส่วนของ Lobby ทันทีที่เข้ามารู้สึกถึงความโปร่งและโอ่โถงดีมากๆ ด้วยเพดาน Double Volume และมีช่องแสงล้อมรอบ ทำให้สามารถมองเห็นวิวสวนที่อยู่ด้านนอกได้กว้าง

ด้านในจะมีการจัดวางชุดโต๊ะและโซฟากระจายตามมุมต่างๆ ให้สามารถเข้ามานั่งพูดคุย หรือนั่งพักผ่อนได้หลากหลายความต้องการ และในบริเวณนี้จะมีประตูอีก 2 จุด ซึ่งจะอยู่มุมด้านข้างและมุมสุดทางเดิน เมื่อเปิดออกไปจะเชื่อมกับพื้นที่ด้านนอกตรงนั้นก็จะมีทั้งสวนส่วนกลางและสระว่ายน้ำ

นอกจากจะมีทางลาดตรงบริเวณทางเข้าหลักของอาคารแล้ว ตรง Lobby จะมีประตูทางเข้า-ออกไปยังสวนส่วนกลางที่ยังคง Concept ในการออกแบบ Universal Design โดยจะเป็นทางลาดอีกจุด ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มคนทุกช่วงวัย

พื้นที่ด้านนอกบริเวณอาคาร Clubhouse จะมีสระว่ายน้ำรูปแบบกลางแจ้ง มาพร้อมสระสำหรับเด็กโดยส่วนนี้จะมีหลังคาปกคลุม ซึ่งสระว่ายน้ำทั้ง 2 ประเภทนี้ได้แยกโซนชัดเจน เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย รอบๆ สระจะมีพื้นที่ให้นั่งเล่นรับลมด้วยมุมโต๊ะและเก้าอี้จัดวางเข้าคู่กัน หรืออยากจะเอนหลังนอนอ่านหนังสือสบายๆ ก็มีมุม Sunbed รองรับให้ได้ใช้ชีวิตพักผ่อนอย่างเต็มที่

กลับเข้ามาในอาคาร Clubhouse ขึ้นบันไดไปดูชั้น 2 กันต่อ หรือจะขึ้นลิฟต์ก็ได้ สะดวกสบายมากทีเดียว ชั้นนี้จะเป็นฟังก์ชันของห้อง Meeting Chamber สามารถเข้ามาใช้บริการมานั่งทำงาน อ่านหนังสือกันได้ โดยด้านในมีพื้นที่กว้างกำลังดี พร้อมกับมีบรรยากาศเปิดโล่งโอบล้อมด้วยช่องแสง ทั้งยังมีมุมให้นั่งใช้งานได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมุมโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ มุมโซฟานั่งสบายๆ หรือจะเป็นมุมนั่งคู่ นั่งเดี่ยวก็มีรองรับให้เช่นกัน

ในโซนนี้จะมีช่องหน้าต่างที่เมื่อเปิดออกไปจะเชื่อมต่อกับ Lobby ที่อยู่ชั้นล่าง บรรยากาศก็จะเห็นเหมือนในภาพนี้เลยค่ะ ทั้งยังสามารถมองเห็นวิวสวนไกลๆ จากมุมตรงนี้ได้ด้วย

อีกฝั่งของห้อง Meeting Chamber จะมีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนบริเวณระเบียงอยู่ 2 ฝั่ง ไว้สำหรับมานั่งเล่น พบปะพูดคุยกับเพื่อนในบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติด้านนอก

แต่ละมุมก็จะมีการจัดวางโต๊ะและเก้าอี้ ให้เลือกนั่งได้ตามใจชอบ

ชั้น 3 ห้องแรกจะเป็นห้องสำหรับออกกำลังกายหรือ Gym เข้าไปด้านในตรงโซนใกล้กับประตูทางเข้าจะเป็นมุมนั่งพักเพื่อเตรียมตัวก่อนหรือหลังออกกำลังกายได้ ตรงนี้จะมีมุมบริการน้ำดื่มให้ด้วย ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่ใช้งานที่จัดวางอุปกรณ์และเครื่องเล่นไว้ให้อย่างครบครัน

มุมด้านในจะมีพื้นที่กว้างๆ จัดวางเครื่องออกกำลังกายและอุปกรณ์แบบครบเซต ไม่ว่าจะชอบเล่นแบบเวทเทรนนิ่งหรือคาร์ดิโอเลือกใช้ได้ตามถนัด อีกทั้งบรรยากาศของห้องนี้ก็ยังดูโปร่งด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ การใช้งานจริงก็จะรู้สึกผ่อนคลายและไม่อึดอัด

ด้านข้างติดกันจะเป็น Wellness Room ที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องสุขภาพของผู้พักอาศัย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้โครงการนี้มีความแตกต่างจากโครงการทั่วไป โดยมีบริการ Health & Wellness Service ได้รับความร่วมมือกับ รพ.วิมุต ซึ่งจะมีกิจกรรมดังนี้

• โปรแกรมแพทย์เยี่ยมตรวจที่โครงการ 
• จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับลูกบ้านที่โครงการ
• สามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (ViMUT apps/ Tele medicine)
• สิทธิประโยชน์ ViMUT Family Card

หรือถ้าช่วงไหนไม่มีกิจกรรม ห้องนี้ก็สามารถเข้ามาใช้งานตรวจเช็กสุขภาพเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองด้วยเครื่อง Smart Health Check

รวมถึงโครงการนี้ยังมีบริการพิเศษอย่าง Concierge Service โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ในสำนักงานอาคาร Clubhouse ซึ่งจะมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวเข้ามาอำนวยความสะดวกในทุกๆ ด้าน  เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้รับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้ครบทุกมิติ 

ถัดมาจะเป็นส่วนกลางรูปแบบกลางแจ้ง นั้นก็คือ  Play Yard จะอยู่ในบริเวณเดียวกันกับอาคาร Clubhouse ภายในสวนแห่งนี้จะมีบรรยากาศที่ชุ่มฉ่ำและร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกไว้เรียงรายตามมุมต่างๆ สร้างความร่มเงาได้ดีไม่น้อย โดยต้นไม้ที่นำมาปลูก โครงการได้ใส่ใจในการคัดเลือกอย่างดี ซึ่งจะเลือกพันธุ์ที่ไม่ก่อความระคายเคืองอีกด้วย พร้อมกับมีสนามหญ้ากว้างๆ ให้ได้มานั่งเล่น ออกกำลังกายเบาๆ กันได้ทุกเวลา โดยมุมแรกนี้จะเป็นฟังก์ชันของ Kid Zone ที่มีเครื่องเล่นกระตุ้นการเรียนรู้เสริมสร้างพัฒนาการตามวัย สำหรับเด็กๆ ให้ได้วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน

เดินมาตามทางเดินก็จะเจอกับโซนสุขภาพสามารถเดินเข้ามานวดเท้าด้วยพื้นหินกันได้อย่างผ่อนคลายซึ่งการออกแบบคำนึงความปลอดภัยของผู้สูงอายุ มุมนี้จะมีการจัดสวนด้วยพุ่มไม้ดอก พุ่มไม้ใบนานาพันธุ์ให้ได้สดชื่น สบายทั้งกายและใจ

อีกทั้งภายในสวนจะมี Pavilion ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวธรรมชาติ พร้อมทั้งออกแบบทางเดินตรงบริเวณนี้ให้เป็นทางลาดเข็นรถวีลแชร์เข้าไปได้ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็สามารถเข้ามาใช้งานสวนแห่งนี้ได้สะดวกและมีความสุข

ไม่เพียงเท่านั้นภายในโครงการยังมีสวนส่วนกลางที่เรียกว่า British Backyard ตำแหน่งจะอยู่ตรงสวนหลังบ้านของแบบบ้าน VIRGINIA PINE เป็นพื้นที่สีเขียวสาธารณะ ทุกคนสามารถเข้ามานั่งเล่นพักผ่อนร่วมกันได้

Design & Function

PINE Wellness Residence Prachachuen คำว่า PINE (ไพนน์) มีที่มาจากตระกูลต้นสน ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก สอดคล้องกับแนวคิดการออกแบบโครงการที่มุ่งเน้นความสุขที่ยั่งยืน มีสุขภาพดี

โดยที่นี่เป็นโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบ Multigeneration Wellness Cluster Residence เป็นบ้านที่สามารถรองรับการใช้ชีวิตได้ทุก Generation อย่างแท้จริง โดยได้ออกแบบภายใต้นิยามของคำว่า “อยู่ดีมีสุข” คือการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมและสังคมที่ดี ไปพร้อมกับการได้ดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว 

ขณะเดียวกันงานดีไซน์บ้านก็มีความเรียบหรูและโดดเด่นด้วยสไตล์ British Timeless Elegance ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Cluster Home ในประเทศอังกฤษ ที่จะมีสวนหลังบ้านให้ใช้ร่วมกันได้ โดยจะนำองค์ประกอบที่เป็นจุดเด่นของบ้านสไตล์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายแนวตั้งที่ดูเป็นระเบียบ, หน้าต่างทรงสูงลายลูกฟักตัดด้วยกรอบอะลูมิเนียมสีดำ, ประตูทางเข้าบ้านสีน้ำเงินที่ให้ความหรูหราและคลาสสิก ลงตัวด้วยบ้านรูปทรงเหลี่ยมโทนสีขาวที่ทำให้ดูเรียบง่ายและโมเดิร์น พร้อมกับเปิดรับช่องแสงและลมได้อย่างดี

ทุกแบบบ้านจะมีพื้นที่ใช้สอยถึง 3 ชั้น ฟังก์ชันภายในบ้านสามารถรองรับครอบครัวใหญ่ได้สบาย เพราะว่ามีถึง 4 ห้องนอนและมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานเป็น Common Area ทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวได้อย่างเป็นส่วนตัว และทุกหลังจะมีระเบียงอยู่หน้าบ้าน ยกเว้นแบบบ้านแฝด VIRGINIA PINE จะมีระเบียงอยู่ฝั่งหลังบ้านด้วย ซึ่งขนาดของระเบียงใหญ่เพียงพอที่จะเสริมให้เป็นมุมพักผ่อนได้อีกจุด ทั้งยังติดตั้ง Home Automation มีระบบเปิด-ปิดไฟและแอร์ มาพร้อมระบบสัญญาณกันขโมย 

รวมทั้งจุดเด่นอีกข้อสำคัญของโครงการนี้ คือ การออกแบบฟังก์ชันใช้งานในบ้านจะเป็นลักษณะ Universal Design เช่นเดียวกันกับในพื้นที่ส่วนกลาง เท่ากับว่าทุกสมาชิกในครอบครัวสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างลงตัวและปลอดภัย

Home Type

โครงการ PINE Wellness Residence Prachachuen มีแบบบ้านทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้

• MONTEREY PINE (บ้านเดี่ยว) : ที่ดินเริ่มต้น 51.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 255 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 พื้นที่ครอบครัว 1 พื้นที่อเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ
• VIRGINIA PINE (บ้านแฝด) : ที่ดินเริ่มต้น 39.0 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 พื้นที่ครอบครัว 1 พื้นที่อเนกประสงค์ 3 ที่จอดรถ
• VIRGINIA PINE II (บ้านแฝด) : ที่ดินเริ่มต้น 39.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 พื้นที่ครอบครัว 1 พื้นที่อเนกประสงค์ 3 ที่จอดรถ
• SCOTCH PINE (บ้านแฝด) : ที่ดินเริ่มต้น 35.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 พื้นที่ครอบครัว 1 พื้นที่อเนกประสงค์ 3 ที่จอดรถ

ซึ่งปัจจุบัน (เดือนมิถุนายน ปี 2567) มีบ้านตัวอย่างที่สามารถเข้าชมได้ คือแบบบ้าน VIRGINIA PINE และครั้งนี้ทีมงาน Home Buyers จะพาไปรีวิวบ้านตัวอย่างหลังนี้ให้ชมกันด้วยค่ะ

แบบบ้าน VIRGINIA PINE 

บ้านตัวอย่างหลังนี้จะเป็นบ้านแฝด 3 ชั้น ชื่อว่าแบบบ้าน VIRGINIA PINE สร้างอยู่บนขนาดที่ดินเริ่มต้น 39.0 ตร.ว. มีพื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม. ภายในบ้านมีฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ โดยห้องนอนและห้องน้ำชั้นล่างและได้ออกแบบให้รองรับการพักอาศัยและใช้งานสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ มาพร้อมกับ 1 ห้องรับแขก 2 พื้นที่ส่วนกลางสำหรับครอบครัว 1 พื้นที่อเนกประสงค์ และจอดรถได้ถึง 3 คัน

รวมไปถึงแบบบ้านนี้จะมีความพิเศษตรงที่จะอยู่ติดกับสวนหลังบ้าน British Backyard ที่จะได้พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ ส่วนรูปแบบการก่อสร้างจะเป็น Precast เก็บเสียงได้ดี มีความแข็งแรง และไม่มีเหลี่ยมมุมเสาให้เป็นอุปสรรคในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์

ชั้น 1 : ด้านหน้าเป็นพื้นที่ลานจอดรถรองรับได้ 3 คัน เข้าไปด้านในบ้านจะเจอกับแปลนที่ไม่เหมือนกับบ้านทั่วไป คือ บ้านหลังนี้จะมีห้องครัวอยู่โซนด้านหน้าใกล้กับโถงต้อนรับ และในบริเวณเดียวกันนี้ก็จะมีห้องเก็บของและพื้นที่สำหรับทำชั้นวางรองเท้าได้ ถัดไปจะเป็นมุมรับประทาน ส่วนพื้นที่พักผ่อนอย่างมุมนั่งเล่นและห้องนอนชั้นล่างจะให้อยู่โซนด้านหลัง เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับบรรยากาศสวนรอบๆ บ้าน ส่วนห้องน้ำจะอยู่ติดกับโถงบันได

ชั้น 2 : จะเป็นโซนพักผ่อนส่วนตัว โดยแบ่งให้ฝั่งด้านหน้าเป็นพื้นที่ Family Area ขนาดกว้างๆ จัดวางฟังก์ชันการใช้งานได้หลายรูปแบบ ส่วนด้านหลังจะเป็น Master Bedroom ที่มีห้องน้ำและระเบียงหลังบ้านส่วนตัว

ชั้น 3 : เป็นพื้นที่ของ 2 ห้องนอนรอง ทุกห้องจะมีห้องน้ำใช้งานส่วนตัวได้อย่างสะดวก มาพร้อมกับพื้นที่อเนกประสงค์อีกจุด ที่สามารถทำเป็นมุมทำงาน อ่านหนังสือ หรือใช้งานอื่นๆ ได้ตามไลฟ์สไตล์

แบบบ้านแฝด VIRGINIA PINE จะมีพื้นที่ลานจอดรถ สามารถจอดได้ 3 คันในร่ม โครงสร้างได้ลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้าน ปูพื้นด้วยคอนกรีตพิมพ์ลายสวยงาม ทั้งยังดีไซน์ให้มีทางลาดที่ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบไม่ลื่นเชื่อมต่อไปยังเฉลียงหน้าบ้าน สามารถเข็นรถวีลแชร์เข้าบ้านไปได้โดยง่าย อีกทั้งตรงบริเวณนี้ยังมีห้องเก็บของ พร้อมกับติดตั้งจุดรองรับ EV Charger ,กล้อง CCTV และประตู Digital Door Lock ใช้งานได้ 5 ระบบ มาให้พร้อมกับบ้านมาตรฐานส่งมอบ

ด้วยความที่เป็นบ้านแฝด ด้านข้างจึงมีพื้นที่จัดทำเป็นสวนส่วนตัวภายในรั้วบ้านได้ อย่างบ้านตัวอย่างหลังนี้ได้ตกแต่งให้เป็นมุมนั่งเล่นที่อยู่ในสวนร่มรื่นให้ดูเป็นไอเดีย สร้างความสดชื่นให้กับบ้านได้ดีไม่น้อยเลยค่ะ

จากพื้นที่ด้านข้างบ้านเชื่อมต่อมายังหลังบ้าน ตรงนี้ก็จะมีพื้นที่ให้ทำเป็นมุมนั่งพักผ่อนหรือปลูกต้นไม้ที่ชอบต่อเนื่องจากสวนด้านข้างได้ และด้านหลังของแบบบ้านแฝด VIRGINIA PINE จะอยู่ติดกับ British Backyard ซึ่งถ้าเป็นบ้านมาตรฐานที่ได้ จะมีรั้วโปร่งระแนงเหล็กกั้นไว้ พร้อมกับมีประตูที่สามารถเปิดและเดินออกไปนั่งเล่นในสวนส่วนกลางได้ทุกเวลา ทั้งยังติดตั้งกล้อง CCTV ไว้ตรงหลังบ้านอีกจุดสำหรับบ้าน Type นี้

เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาด้านในบ้าน มุมแรกจะเป็นฟังก์ชันของโถงต้อนรับหรือ Foyer ที่สามารถจัดวางเก้าอี้สตูลยาวสำหรับไว้นั่งพักคอย หรือนั่งสวมรองเท้าก่อนจะออกหรือกลับเข้าบ้านได้ลงตัว รวมทั้งบ้านหลังนี้ได้ติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor ตรงประตูและหน้าต่างของชั้นล่างทั้งชั้น และยังมี Home Automation เปิด-ปิดไฟและแอร์ได้ง่ายๆ ผ่าน Smart Phone

ติดกับมุมโถงต้อนรับ จะเป็นพื้นที่ของห้องเก็บของใต้โถงบันได โดยบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งแบ่งพื้นที่ให้มีชั้นวางรองเท้า อีกส่วนจะเป็นห้องเก็บของที่มีประตูบานปิด ซึ่งเป็นไอเดียที่น่าสนใจ ใช้ประโยชน์ของพื้นที่ได้อย่างหลากหลายดีทีเดียว

เดินถัดเข้ามาจะเจอกับพื้นที่กว้างๆ แบบ Open Space ซึ่งจะแบ่งให้ฝั่งด้านข้างนี้เป็น Common Area ขนาดใหญ่ แต่ละฟังก์ชันก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมกันภายในครอบครัว ไม่ว่าจะนั่งดูหนังด้วยกัน เด็กๆ นั่งทำการบ้าน หรือคุณแม่กำลังเข้าครัวทำอาหาร ก็สามารถที่จะพูดคุยกันได้ตลอด ทั้งยังมีความโปร่งโล่งและอยู่สบายด้วยฝ้าเพดานสูง 2.75 ม.และมีช่องแสงขนาดใหญ่ติดตั้งไว้รอบบ้าน ส่วนพื้นชั้นล่างนี้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60x60 ซม.

ใน Common Area นี้ จะมีมุมนั่งเล่นหรือมุมรับแขกถูกจัดวางไว้ในโซนด้านหลัง เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับบรรยากาศร่มรื่นของสวนด้านข้างและหลังบ้าน สร้างความผ่อนคลายในการพักผ่อนได้อย่างดี โดยมุมนี้จะมีพื้นที่รองรับชุดโซฟา 3-4 ที่นั่ง พร้อมกับวางโต๊ะกลาง ติดตั้งชั้นวางและทีวี นั่งดูนั่งหนังฟังเพลงได้อย่างสบายใจ

เชื่อมต่อมายังมุมรับประทานอาหาร ตำแหน่งจะอยู่ตรงกลางระหว่างมุมนั่งเล่นและห้องครัว พื้นที่ส่วนนี้มีขนาดกว้างเพียงพอที่จะวางโต๊ะและเก้าอี้สำหรับ 6 ที่นั่งได้ลงตัว ทั้งยังเหลือพื้นที่รอบๆ ให้เป็นทางเดินได้สะดวก

ห้องครัวจะได้รูปแบบปิด กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ ซึ่งจะอยู่โซนด้านหน้า

ด้านในมีพื้นที่กำลังดีที่จะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวและตู้ลอยด้านบนเป็นรูปตัว L พร้อมทั้งแบ่งพื้นที่ให้วางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้พอดี รวมถึงยังสามารถทำช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย บริเวณนี้จะมีช่องหน้าต่างบานสไลด์มาให้ เปิดระบายกลิ่นขณะทำอาหารได้

ในห้องครัวจะมีประตูที่เปิดออกมายังพื้นที่ลานซักล้างด้านข้างบ้านได้ โดยพื้นที่ส่วนนี้ได้ลงเสาเข็มไว้ให้เรียบร้อย บ้านมาตรฐานจะได้เป็นพื้นคอนกรีตขัดเรียบ ถ้าต้องการต่อเติมให้มีครัวไทยก็จะสามารถทำได้ที่บริเวณนี้ค่ะ

กลับเข้ามาด้านในบ้าน คราวนี้มาดูฟังก์ชันอีกฝั่งของชั้นล่าง โซนนี้จะมีห้องนอนชั้นล่าง ห้องน้ำส่วนกลางและโถงบันได

ห้องน้ำส่วนกลาง จะอยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนและโถงบันได ความพิเศษของห้องน้ำนี้ คือได้ออกแบบตามหลัก Universal Design ให้ใช้งานได้ปลอดภัยกับทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุสามารถเข้ามาใช้ได้สะดวก โดยจะมีประตูที่กว้างกว่าบานอื่นๆ เพื่อให้เข็นรถวีลแชร์เข้าไปได้ง่าย พื้นจะราบเรียบเสมอกันไม่มีธรณีประตู พร้อมกับทำร่องระบายน้ำมาให้ด้วย สำหรับบ้านตัวอย่างนี้ได้ออกแบบให้มี 2 ประตู สามารถเข้า-ออกได้ 2 ฝั่งทั้งในห้องนอนและพื้นที่ด้านนอกตรงทางเดินให้ดูเป็นไอเดีย

ด้านในห้องน้ำ นอกจากจะติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบชุด ยังเสริมด้วยการก่อชั้นวางของและทำที่นั่งมาให้ในส่วนของโซนเปียก พร้อมกับมีราวจับที่ช่วยพยุงตัวขณะลุก-นั่ง ส่วนพื้นจะปูด้วยแกรนิตโต้แบบไม่ลื่นเพื่อป้องกันการลื่นล้ม ปลอดภัยในการใช้งานยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ติดตั้งปุ่มกดฉุกเฉินมาให้อีกด้วย หากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน สามารถกดปุ่มฉุกเฉินนี้เรียกคนมาช่วยได้ทันที

ห้องนอนชั้นล่าง จะอยู่โซนด้านหลัง ด้านในห้องมีความโปร่งโล่งดีด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ เปิดออกเชื่อมไปยังสวนด้านหลังบ้านได้ พื้นที่ในห้องนี้มีขนาดลงตัวที่จะจัดวางเตียงนอนขนาด 3.5-5 ฟุต ด้านข้างเตียงยังมีมุมให้ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะไว้นั่งอ่านหนังสือใช้งานร่วมกันได้

มุมปลายเตียงยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะ สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ขนาดใหญ่ ด้านข้างจะเสริมด้วยชั้นวางของเพิ่มได้อีกสบายๆ ส่วนพื้นของห้องนี้จะปูด้วย Absorption Floor สัมผัสจะนุ่มนวล ช่วยลดแรงกระแทก ปลอดภัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็กๆ

เดินขึ้นบันไดมาดูชั้น 2 กันบ้าง สำหรับโถงบันไดของบ้านหลังนี้ ตำแหน่งจะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าหลักของบ้าน ทำให้สะดวกมากหากกลับมาบ้านและอยากจะขึ้นไปชั้นบนก็สามารถเดินขึ้นได้ทันที โดยโครงสร้างของบันไดจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปูลูกนอนด้วย SPC ลายไม้ ลูกตั้งฉาบเรียบทาสี ราวจับเป็นไม้ประสานติดตั้งให้พร้อมกับราวระแนงเหล็กทำสีดำตลอดแนว บริเวณชานพักฝั่งหน้าบ้านจะมีช่องแสง เสริมให้บ้านดูสว่างอย่างทั่วถึงกัน

จากโถงบันไดเชื่อมต่อมายังโถงทางเดินของชั้น 2 จะเห็นพื้นที่แบ่งเป็น 2 ฝั่ง โซนด้านหน้าจะเป็นพื้นที่ Family Area ส่วนโซนด้านหลังจะเป็น Master Bedroom และชั้นนี้จะมีฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. พื้นจะปูด้วยวัสดุ SPC ลายไม้เชื่อมโยงมากจากลูกนอนตรงโถงบันได

พื้นที่ Family Area ของชั้นนี้ออกแบบให้ใช้งานได้กว้าง เต็มพื้นที่ของฝั่งด้านหน้า ทำให้สามารถจัดวางฟังก์ชันตรงมุมนี้ได้หลากหลายตามความต้องการ

อย่างบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งแบ่งให้พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น Family Area จัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ ติดตั้งทีวี นั่งดูหนัง ดูซีรีส์พร้อมหน้าพร้อมตากันได้ทั้งครอบครัว อีกทั้งมุมนี้จะมีช่องหน้าต่างเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้อย่างดี นั่งพักผ่อนได้สบายๆ

พื้นที่อีกฝั่งได้กั้นเป็นผนังกระจก เพื่อแยกโซนให้เกิดการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งฝั่งนี้ได้ทำเป็นมุมนั่งทำงานส่วนตัว ด้านข้างสามารถ Built-in ชั้นวางของได้เต็มผนัง 1 ฝั่ง

ในโซนพื้นที่อเนกประสงค์นี้จะมีประตูกระจกแบบบานเปิด เมื่อเปิดออกไปจะเชื่อมกับระเบียงด้านนอกฝั่งหน้าบ้าน ขนาดของระเบียงสามารถใช้งานเป็นมุมนั่งพักผ่อนรับลม ด้วยการจัดวางชุดโต๊ะและเก้าอี้เล็กๆ ได้อย่างลงตัว

โซนด้านหลังจะเป็นตำแหน่งของ Master Bedrooom ห้องนอนหลักของบ้านแฝดหลังนี้ และยังเป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะอีกด้วย เข้ามาด้านในจะเห็นฟังก์ชันที่แบ่งโซนพักผ่อนและมุมแต่งตัวอย่างชัดเจน ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งานได้มากทีเดียว

มุมแรกนี้จะเป็นพื้นที่ Walk in Closet จัดวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เต็มผนัง โดยแบ่งให้เป็น 2 ฝั่งสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายได้พอดี ตรงกลางยังสามารถทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งได้อีก โถงทางเดินก็กว้าง ยืนแต่งตัวได้สบาย อีกทั้งตรงมุมนี้มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ เปิดรับแสงและถ่ายเทระบายอากาศได้ดี หากอยากได้ความเป็นส่วนตัว สามารถติดม่านโปร่งหรือม่านทึบได้

ห้องน้ำส่วนตัวใน Master Bedroom จะอยู่ติดกับพื้นที่ Walk in Closet ด้านในได้ติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้อย่างครบครัน พร้อมทั้งแยกโซนแห้งและโซนเปียกไว้อย่างเป็นสัดส่วน สำหรับห้องน้ำนี้จะได้อ่างล้างหน้าแบบ His & Her และอ่างอาบน้ำระบบน้ำวนมาให้ด้วย สามารถนั่งแช่น้ำผ่อนคลายได้เป็นส่วนตัว พร้อมทั้งติดตั้งช่องหน้าต่างเปิดระบายไล่ความชื้นได้สะดวก

โซนพักผ่อนมีขนาดค่อนข้างกว้าง รองรับเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตจัดวางไว้ตรงกลางห้องได้อย่างหลวมๆ โดยเหลือพื้นที่รอบเตียงทำเป็นทางเดินได้กว้าง ส่วนบริเวณหัวเตียงยังมีพื้นที่ให้วางพวกเฟอร์นิเจอร์อย่างตู้ลิ้นชักหรือโต๊ะเล็กๆ ไว้สำหรับวางโคมไฟหรือโทรศัพท์มือถือ ให้สามารถหยิบจับมาใช้งานได้ง่าย ทั้งยังมีช่องหน้าต่างและประตูกระจกบานสไลด์  ทำให้ห้องนี้ดูโล่งสบาย มีบรรยากาศน่าอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก

อีกฝั่งของห้องยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ ตรงนี้สามารถครีเอทฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะทำเป็นมุมนั่งทำงาน มุมเล่นโยคะ หรือมุมนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือเหมือนกับบ้านตัวอย่างก็ได้เช่นกัน

Master Bedroom จะมีระเบียงใช้งานแบบส่วนตัว ซึ่งจะอยู่ฝั่งด้านหลัง มุมนี้สามารถมองเห็นวิว British Backyard ธรรมชาติใกล้บ้านได้เต็มสายตา

ขึ้นมาถึงชั้น 3 บริเวณชานพักตรงโถงบันไดของชั้นนี้จะได้เป็นช่องหน้าต่างบานสูงแบบนี้เลยค่ะ ทำให้แสงธรรมชาติสามารถลอดส่องมาถึงชั้น 3 บรรยากาศจึงมีความสว่างตลอดในช่วงเวลากลางวัน

ทันทีที่ขึ้นมาถึง ชั้นนี้จะมีความสูงของฝ้าเพดานประมาณ 2.6 ม. พื้นจะปูด้วยวัสดุ SPC ลายไม้เช่นเดียวกันกับชั้น 2 ฟังก์ของชั้น 3 จะแบ่งให้มี 2 ห้องนอนรองและ 1 พื้นที่อเนกประสงค์

สำหรับพื้นที่อเนกประสงค์ของชั้น 3 จะถูกจัดวางไว้อยู่ฝั่งด้านหลังหลบมุมให้ได้ความเป็นส่วนตัวดี จะทำเป็นอีก 1 Family Area ก็ดูลงตัว หรือจะตกแต่งเป็นห้องทำงาน ห้องไลฟ์ขายของไว้สำหรับทำธุรกิจ หรือห้องเกมเมอร์ได้ทั้งหมด

เดินถัดเข้าไปด้านในอีกฝั่งของบ้าน โซนนี้จะเป็นตำแหน่งของห้องนอนที่ 2 และ 3 โดยจะแบ่งให้อยู่ฝั่งด้านหน้าและด้านหลังของบ้าน ขนาดของห้องจะมีความใกล้เคียงกัน ด้านในจะมีห้องน้ำส่วนตัวให้ใช้สะดวกทั้ง 2 ห้อง

ห้องนอนที่ 2 อยู่ฝั่งด้านหน้า ถ้าหากชอบห้องที่แบ่งเป็นสัดส่วน สามารถออกแบบกั้นผนังแบ่งโซนการใช้งานเหมือนกับบ้านตัวอย่างนี้ได้ ด้านในห้องสามารถจัดวางฟังก์ชันได้ครบสำหรับการพักอาศัยส่วนตัว ไม่ว่าจะมีมุมแต่งตัว มุมพักผ่อนและห้องน้ำใช้งานภายในห้อง

มุมแต่งตัวหรือ Walk in Closet มีพื้นที่รองรับตู้เสื้อผ้าได้ขนาดใหญ่ พร้อมกับ Built-in ตู้ลิ้นชักด้านข้างให้ใช้สอยเพิ่มได้ ส่วนพื้นที่ตรงช่องหน้าต่าง สามารถจัดวางโต๊ะและเก้าอี้ทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งเสริมเข้าไปได้ เพื่อให้เป็นมุมแต่งตัวที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

เข้ามาในโซนพักผ่อน ตรงนี้มีพื้นที่เพียงพอที่สามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุต บริเวณหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีมุมให้วางตู้ลิ้นชักและติดตั้งโคมไฟ เปิด-ปิดไฟได้ง่ายไว้สำหรับนอนอ่านหนังสือได้ ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือที่จะวางเก้าอี้สตูลยาว ส่วนด้านข้างมีมุมให้วางเก้าอี้เดี่ยวนั่งเอนหลังได้สบาย ห้องนี้จะมีช่องหน้าต่างเปิดรับแสงสว่างและมองเห็นวิวธรรมชาติหน้าบ้าน

ถัดจากเก้าอี้สตูล มุมปลายเตียงยังมีพื้นที่ให้ Built-in ชั้นวางได้เต็มผนังพร้อมกับติดตั้งทีวี นอนดูหนังฟังเพลงได้อย่างเป็นส่วนตัว

ห้องน้ำจะอยู่ใกล้กับโซนพักผ่อน ด้านในมีฟังก์ชันครบ แบ่งโซนแห้งและโซนเปียกมาให้เรียบร้อย พร้อมกับติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบชุด และมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่รับแสงสว่างเข้ามาได้อย่างดี ทำให้ห้องน้ำนี้ดูกว้างมากยิ่งขึ้น

ห้องนอนที่ 3 อยู่ฝั่งด้านหลัง เป็นอีกหนึ่งห้องนอนที่สามารถจัดวางฟังก์ชันได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัย อย่างบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งด้วยการวางเตียงนอนให้ชิดริมหน้าต่าง ทำให้รอบๆ ห้องมีพื้นที่ให้ใช้สอยได้อีกมาก ไม่ว่าจะมีทั้งมุมนั่งเล่นทำงานอดิเรกที่อยู่ด้านข้างเตียง

หรือมุมนั่งทำงานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเตียงนอน ก็สามารถที่จะ Built-in ชั้นวางพร้อมกับโต๊ะนั่งทำงานได้ลงตัว ส่วนด้านในมีมุมให้วางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ โดยจะมีห้องน้ำให้ใช้งานเชื่อมต่อเนื่องกันได้อย่างสะดวก

สำหรับห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องนอนที่ 3 ได้ออกแบบให้โซนแห้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า ส่วนด้านในจะเป็นมุมอาบน้ำในโซนเปียก ทั้งยังได้ก่อชั้นวางและติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบเช่นเดียวกันกับห้องน้ำอื่นๆ รวมถึงมีช่องหน้าต่างบานสูง 1 จุดอยู่ฝั่งโซนเปียก

บ้านมาตรฐานและวัสดุ

บ้านมาตรฐานส่งมอบของโครงการนี้จะได้รูปแบบบบ้านเปล่า ภายในบ้านไม่ได้มีการตกแต่งภายใน มีโครงสร้างเป็น Precast พร้อมกับติดตั้งวัสดุคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นพื้นชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60x60 ซม. ชั้น 2 และ 3 ปูด้วย SPC ห้องนอนชั้นล่างจะเป็นพื้น Absorption Floor ผนังภายในบ้านติดตัั้งวอลเปเปอร์มาให้ ทุกหลังติดตั้งช่องหน้าต่างบานสูงพิเศษ กระจกเขียวตัดแสง กรอบอะลูมิเนียมสีดำ ส่วนสีทาบ้านจะเป็นสี TOA ProExpert ดีต่อสุขภาพและป้องกันเชื้อโรค ทั้งมาพร้อมกับปูสนามหญ้าตามมาตรฐานและให้ต้นไม้ 1 ต้นกับทุกบ้าน ประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านจะได้รูปแบบบานเฟี้ยม

สำหรับนวัตกรรมที่จะติดตั้งให้กับทุกแบบบ้าน มีดังนี้

• ประตู Digital Door Lock - ติดตั้งให้ตรงประตูทางเข้า-ออกหลักของบ้าน
• CCTV - ติดตั้งให้โรงจอดรถและห้องนั่งเล่น ส่วนบ้านแฝด VIRGINIA PINE ได้ติดตั้งเพิ่มตรงบริเวณรั้วหลังบ้าน
• จุดรองรับ EV Charger - อยู่บริเวณโรงจอดรถ
• Home Automation - ใช้งานง่ายผ่าน Smart Phone มาพร้อมกับ Smart Switch 
• ระบบสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor - ติดตั้งตรงประตูและหน้าต่างของชั้นล่าง
• ปุ่มกดฉุกเฉิน - มีให้ในห้องน้ำส่วนกลางชั้นล่าง
• ไซเรน - มี 2 จุด บริเวณโรงจอดรถและระเบียงหน้าบ้านชั้น 2
• แผง Solar Cell - ติดตั้งให้บ้านเดี่ยว ส่วนบ้านแฝดมีพื้นที่รองรับให้ติดตั้งได้

สุขภัณฑ์ในห้องน้ำติดตั้งให้ครบชุดของแบรนด์ Kohler สำหรับห้องน้ำใน Master Bedroom ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด Type กลาง จะได้เพิ่มในส่วนของอ่างอาบน้ำและอ่างล้างหน้า His & Her ส่วนบ้านแฝด Type เริ่มต้น จะได้เป็นอ่างอ่าบน้ำเพิ่มเข้ามาด้วยเช่นกันและในห้องน้ำจะมีปลั๊กไฟให้ใช้งานได้สะดวก

Location

PINE Wellness Residence Prachachuen ตั้งอยู่ติดกับถนนสามัคคี ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี โดยชุมชนที่โครงการตั้งอยู่มีความคึกคักพอตัว รอบๆ บนถนนเส้นสามัคคี จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านค้าขนาดย่อมมากมายให้ได้ไปจับจ่ายใช้สอยใกล้บ้าน 

อีกทั้งถนนสามัคคีนี้ยังสามารถเชื่อมกับถนนเส้นหลักได้ทั้งถนนประชาชื่นและถนนติวานนท์ ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปยังถนนแจ้งวัฒนะ ไปเมืองทองธานีได้สะดวกแล้ว ยังสามารถที่จะเชื่อมกับถนนงามวงศ์วาน วิ่งไปยังถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน หรือจะเชื่อมไปยังถนนรัตนาธิเบศร์เข้าไปยังโซนอื่นๆ ของจังหวัดนนทบุรีได้ไม่ยาก รวมทั้งยังอยู่ใกล้กับทางพิเศษศรีรัช ทั้งด่านงามวงศ์วานและด่านแจ้งวัฒนะ ให้สามารถเดินทางเข้าสู่เมืองชั้นในกรุงเทพฯ ไปแหล่งงานธุรกิจต่างๆ ได้อย่างสะดวก

ไม่เพียงเท่านั้นใกล้กับโครงการก็ยังมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) วิ่งพาดผ่าน เป็นทางเลือกให้เดินทางเข้าเมืองหรือไปปริมณฑลได้คล่องตัวยิ่งขึ้น สถานีที่ใกล้ คือ สถานีสามัคคี รถไฟฟ้าเส้นนี้สามารถเชื่อมต่อไปเปลี่ยนสายขึ้นรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ตรงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และสามารถนั่งไปเชื่อมกับ MRT รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตรงสถานีเตาปูน รวมทั้งยังสามาถเปลี่ยนไปรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุอีกด้วย

การใช้ชีวิตอยู่อาศัยในโซนเมืองนนทบุรีที่ใกล้กับถนนประชาชื่น นับว่ามีการเป็นอยู่ที่สบายมากทีเดียว เพราะรอบๆ โครงการมีแหล่งไลฟ์สไตล์อย่างห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ มีซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดต่างๆ ให้ได้หาซื้อของกินของใช้ได้ง่าย ถ้าใกล้กับโครงการจะมี The Mall Lifestore งามวงศ์วาน, HomePro ประชาชื่น, Esplanade Cineplex งามวงศ์วาน-แคราย, Lotus’s รัตนาธิเบศร์ ถัดออกไปจะมี Makro แจ้งวัฒนะ, Central แจ้งวัฒนะ ตลาดที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ก็จะมีโครงการตลาดประชานิเวศน์ 3 ,ตลาดนกฮูก เป็นต้น

ในสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อย่างสถานพยาบาลก็มีใกล้กับโครงการเช่นเดียวกัน เป็นทางเลือกในการเข้ารักษาเมื่อยามเจ็บป่วยไม่สบาย ซึ่งจะเปิดบริการ 24 ชม. โดยจะมีตั้งแต่โรงพยาบาลนนทเวช, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น, สถาบันโรคทรวงอก, โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล

รวมไปถึงสถานศึกษาก็มีอยู่กันหลายแห่งและหลายระดับชั้น รองรับสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในวัยเรียน ให้ได้เรียนใกล้บ้าน ไม่ว่าจะมี ISB International School, St. Andrews Samakee International School, Hampton International School แจ้งวัฒนะ, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ถัดออกไปจะมีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

นอกจากนั้นรอบๆ โครงการยังมีหน่วยงานรัฐและราชการ ให้สามารถติดต่อเรื่องเอกสารราชการได้สะดวก ซึ่งจะมีทั้งศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี, ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตรงถนนแจ้งวัฒนะ เป็นต้น

อีกทั้งทำเลที่ตั้งโครงการยังสามารถเดินทางไปยังเมืองทองธานีได้ง่าย ตรงนั้นก็เป็นย่านที่มีสถานที่สำคัญ แหล่งไลฟ์สไตล์อีกจุด โดยจะมี Impact Arena, Cosmo Bazaar และ Beehive Lifestyle Mall  

การเดินทาง

พิกัดโครงการ : https://maps.app.goo.gl/bSUgSy6zKM8HjeoBA

การเดินทางไปโครงการครั้งนี้ทางทีมงาน Home Buyers ได้เริ่มต้นเดินทางจากถนนงามวงศ์วาน วิ่งตรงไปยังฝั่งขาออก เพื่อมุ่งหน้าไปทางเมืองนนทบุรี หรือวิ่งไปตามป้ายพงษ์เพชรได้เลยค่ะ

ขับตรงไปเรื่อยๆ เมื่อใกล้จะถึงสี่แยกพงษ์เพชรให้เตรียมตัวชิดขวา และรอสัญญาณไฟเขียวตรงสี่แยก เพื่อจะเลี้ยวขวาไปยังถนนประชาชื่น

หลังจากเลี้ยวขวามาแล้ว ให้ขับตรงไปมุ่งหน้าไปทางแจ้งวัฒนะ เส้นนี้จะวิ่งผ่านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งถ้าวิ่งผ่านมาแล้วให้สังเกตป้ายสามัคคี และเตรียมตัวเลี้ยวซ้ายไปตามป้าย

จุดสังเกตปากทางเข้าถนนสามัคคี จะมีสะพายลอยอยู่ด้านหน้าตรงแยกไฟจราจร เมื่อถึงปากทางเข้าให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังถนนสามัคคี

หลังจากเลี้ยวซ้ายเข้ามายังถนนสามัคคี ให้ขับตรงไปเรื่อยๆ ซึ่งถนนเส้นนี้จะมีร้านค้า ร้านอาหารเรียงรายอยู่มากมายตามสองข้างทางริมถนน เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยค่อนข้างจะคึกคักดีทีเดียว

จากปากถนนสามัคคี ขับเข้าไปประมาณเกือบ 3 กม. ก็จะถึงโครงการ PINE Wellness Residence Prachachuen ซึ่งจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ จุดสังเกตจะอยู่ตรงข้ามเยื้องๆ กับปั๊มน้ำมันพีที ท่าทราย

Price & Promotion

PINE Wellness Residence Prachachuen โครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดหรู 3 ชั้น ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Multi-Generation Wellness Residence มาพร้อมบริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน 

โดยมีราคาเริ่มต้น 12 - 20 ล้านบาท*

*ราคาขาย ณ เดือนมิถุนายน 67 โปรดสอบถามโครงการอีกครั้ง

สนใจลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ : https://www.pruksa.com/pine/wellness-residence-prachachuen#promotion 

(โปรโมชัน และส่วนลดอื่นๆ เพิ่มเติมอยู่ที่เงื่อนไขของบริษัทฯ กำหนด)

Conclusion

Design & Function : โครงการนี้จะโดดเด่นพิเศษในเรื่องการออกแบบให้อยู่อย่างมีความสุขแบบยั่งยืน ไม่ว่าจะเรื่อง Concept Design ของบ้านทุกหลังด้วยสไตล์ British Timeless Elegance เมื่อเวลาผ่านไปก็ยังคงทันสมัยและดูอบอุ่นน่าอยู่ ตลอดไปจนถึงบรรยากาศในโครงการที่ออกแบบให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี ใส่ใจทุกรายละเอียด ทั้งเรื่องความสะดวกสบายในฟังก์ชันการใช้งานของทั้งบ้านและพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบ Universal Design เพื่อให้สมาชิกทุกช่วงวัยในครอบครัวพักอาศัยกันได้อย่าง อยู่ดีมีสุข ตามแนวคิดที่ใช้ในการออกแบบโครงการ

จุดเด่นของบ้านที่นี่จะมีพื้นที่ใช้สอยถึง 3 ชั้น มีให้เลือกทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด มีห้องนอนชั้นล่างทุกแบบบ้าน มาพร้อมกับครัวปิด โดย Layout จะมีความแตกต่างจากบ้านทั่วไปคือ จะให้ครัวอยู่โซนด้านหน้า มุมพักผ่อนอยู่โซนด้านหลัง จะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติของสวนด้านข้างและหลังบ้านได้มากกว่า และห้องนอนชั้นบนจะมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ทั้งมีพื้นที่อเนกประสงค์ จัดวางฟังก์ชันได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมกับติดตั้งนวัตกรรมทันสมัยให้อยู่ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย