รีวิวบ้าน วัน แอททีเลียร์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ พหลโยธิน สไตล์ Modern Classic

เรื่องราวและรายละเอียดของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

Factsheet

ชื่อโครงการ :	วัน แอททีเลียร์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ พหลโยธิน
บริษัท :	บริษัท แกรนด์ ทรีนีตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ :	ซ.พหลโยธิน 34 (เสนานิคม 2) แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
รายละเอียดโครงการ :	ทาวน์โฮม และบ้านแฝด 4.5 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2-4 ที่จอดรถ บนถนนพหลโยธิน
พื้นที่โครงการ :	1-2-35 ไร่
จำนวน :	13 ยูนิต
พื้นที่ใช้สอย :	346 - 600 ตร.ม.
พื้นที่ :	22 - 46.5 ตร.ว.
รูปแบบการก่อสร้าง :	ก่ออิฐฉาบปูน (อิฐมวลเบาแผ่นใหญ่)
สิ่งอำนวยความสะดวก :	สวนส่วนกลาง, สระว่ายน้ำและลิฟต์ส่วนตัว
ระบบรักษาความปลอดภัย :	เข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Easy Pass Access, CCTV รอบโครงการ, มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย 24 ชม.
ราคา :	เริ่มต้น 25-35 ล้านบาท (สอบถามโครงการอีกครั้ง)
ราคาเริ่มต้น :	25 ล้านบาท* (สอบถามโครงการอีกครั้ง)
ค่าส่วนกลาง :	190 บาท/ ตร.ว./เดือน
โทร :	061-165-0550
เว็บไซต์ :	https://bit.ly/3DGMNF6

Highlight

ทาวน์โฮมและบ้านแฝด 4.5 ชั้น สไตล์ Modern Classic โครงการนี้เป็นลักษณะ Cluster House ระดับ Luxury ตัวบ้านถูกดีไซน์สไตล์ Modern Classic มีความแตกต่างอย่างโดดเด่น สะท้อนทั้งความเรียบหรูและทันสมัย ทำให้รู้สึกสัมผัสถึงบรรยากาศกลิ่นอายของบ้านโมเดิร์นที่อยู่ต่างประเทศได้อย่างดี

ฟังก์ชันตอบโจทย์การอยู่อาศัย มาพร้อมลิฟต์ส่วนตัวภายในบ้านทุกหลัง โดยมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 346 ตร.ม. ฟังก์ชันถูกแบ่งเป็นสัดส่วนตามระดับชั้นต่างๆ ทุกห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัว โดยห้อง Master Bedroom มีขนาดกว้างขวางใหญ่เต็มทั้งชั้น มาพร้อมลิฟต์ส่วนตัวภายในบ้านทุกหลัง รวมทั้งการออกแบบบ้านจะเน้นให้อยู่อาศัยสบาย เช่น มุม Living Area ที่มีเพดานสูงโปร่งถึง 5  ม. มีชั้นลอยที่ถูกแบ่งให้เป็นห้องอเนกประสงค์ และยังมีช่องหน้าต่างบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติได้ดีอีกด้วย

บ้านทันสมัยด้วยระบบ Smart Home Smart Lighting และได้ใส่ใจคัดสรรวัสดุคุณภาพอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุพื้นที่ปูด้วย Engineering Wood, กำแพงที่กั้นระหว่างบ้านจะเป็นลักษณะ Double Wall กรอบช่องหน้าต่างและประตูเป็นของ Tostem เป็นต้น และยังเป็นบ้านที่มีนวัตกรรมใหม่ด้วยระบบ Smart Home Smart Lighting ควบคุมเปิดปิดไฟ ม่าน แอร์ ระบบความปลอดภัยภายในบ้านได้ ด้วยการสั่งการผ่าน Mobile Application

บ้านทุกหลังเชื่อมต่อสวนส่วนกลาง ในสังคมส่วนตัว 13 ยูนิต ความพิเศษของโครงการนี้จะมีพื้นที่จอดรถอยู่ชั้นใต้ดิน ทำให้บริเวณชั้น 1 ของบ้านทุกหลังสามารถที่จะเชื่อมต่อกับสวนส่วนกลางได้ อีกทั้งโครงการได้นำสายไฟฟ้าลงดินทั้งหมด และยกสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เคยอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง มาไว้ภายในบ้านแทน เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัว อย่างเช่นสระว่ายน้ำ ห้องทำงาน เป็นต้น พร้อมกับมีระบบความปลอดภัย ด้วยกล้อง CCTV และมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ 24 ชม.

ทำเลถ.พหลโยธิน ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เดินทางง่ายได้หลายเส้นทาง โดยโครงการอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเสนานิคมเพียง 5 นาที และยังใกล้กับทางด่วนฉลองรัช ภายในซอยที่ตั้งของโครงการก็สามารถลัดเลาะเชื่อมได้หลายเส้นทาง ทั้งยังเป็นทำเลที่รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารมากมาก ใช้ชีวิตอยู่อาศัยในย่านนี้มีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก

Facility

เมื่อมาถึงโครงการ ด้านหน้าจะมีซุ้มประตูทางเข้า-ออก โดยแบ่งให้มีทั้งช่องการใช้งานของรถยนต์ และช่องสำหรับเดินเท้า โครงการนี้ได้ยกถนนและพื้นที่จอดรถอยู่ชั้นใต้ดินทั้งหมด เวลาเข้าโครงการ จึงถูกบังคับให้ขับรถยนต์ลงมายังชั้นใต้ดิน เพื่อไปพื้นที่จอดรถตามบ้านของแต่ละหลัง

การเข้า-ออกโครงการ ลูกบ้านจะใช้ระบบ Easy Pass Access ลักษณะของประตูหน้าโครงการจะเป็นแบบบานเลื่อนอัตโนมัติ

ถึงแม้โครงการนี้จะมีพื้นที่จอดรถอยู่ชั้นใต้ดิน แต่หายห่วงในเรื่องความปลอดภัยได้ เพราะโครงการได้มีระบบป้องกันน้ำท่วมไว้เรียบร้อย ตั้งแต่ทำถนนทางเข้าโครงการให้สูงกว่าถนนปกติภายในซอยประมาณ 50 ซม. และภายในโครงการได้มีการเตรียม Barrier สูงประมาณ 1 ม. ติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำ และ Generator ปั่นไฟไว้ให้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถใช้งานได้ทันที

ตรงช่องทางเดินเท้า จะมี Video Door Phone ไว้สำหรับเวลามีแขกมาเยี่ยม สามารถที่จะติดต่อแจ้งไปยังเจ้าของบ้านให้รับรู้ได้ทันที เพื่อความสะดวกในการขอเข้าไปยังโครงการ

พื้นที่จอดรถของบ้านทุกหลัง และถนนโครงการจะอยู่ชั้นใต้ดินทั้งหมดดังที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยถนนมีความกว้างประมาณ 8 ม. สัญจรได้คล่องตัว เพราะถนนมีความกว้างเพียงพอที่จะขับรถสวนทางกันได้ รวมถึงพื้นที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินนี้ จะจำกัดความสูงของรถให้ไม่เกินอยู่ที่ประมาณ 2.2 ม.

ภายในโครงการจะมีพื้นที่สีเขียวขนาด 520 ตร.ม. ที่เป็นสวนสาธารณะ ตั้งอยู่ตรงกลางเข้ามาแทนที่ถนนของโครงการ ทำให้บรรยากาศมีความแปลกตาไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ด้วยความที่มีสวนอยู่ตรงกลางแบบนี้ ชั้น 1 ของบ้านทุกหลังสามารถที่จะเปิดประตูเชื่อมต่อกับสวนได้ทันที และการดีไซน์วางแปลนโครงการลักษณะนี้ นอกจากผู้พักอาศัยจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแล้ว ยังทำให้รู้สึกมีความเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านอีกด้วยค่ะ

ในสวนส่วนกลางจะมีต้นไม้น้อยใหญ่ ถูกจัดวางเรียงรายให้ความร่มเงากับผู้ที่เดินผ่านไปมาภายในโครงการ อีกทั้งยังมีมุม Relax Pavilion เป็นพื้นที่ลานกิจกรรม เข้ามาพักผ่อนกันได้ และบริเวณนี้จะมีช่องทางเดินเลียบสวน เชื่อมไปยังหน้าบ้านของทุกหลังในโครงการแห่งนี้ค่ะ

นอกจากนี้ทางโครงการยังได้ใส่ใจในเรื่องของการใช้ชีวิตยุคใหม่ แบบ New Normal จึงออกแบบ โดยยกสิ่งอำนวยความสะดวก จากเดิมที่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง มาไว้ภายในบ้านทุกหลัง ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ สวน ห้องทำงาน เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้ทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่และเป็นส่วนตัว 

Design & Function

โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin ถูกสร้างขึ้นในคอนเซ็ปต์ The Exquisite Living การอยู่อาศัยที่งดงามในทุกแง่มุม ทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทำเลใกล้เมือง รวมถึงฟังก์ชันภายในบ้านที่ตอบโจทย์ได้ลงตัวของการใช้ชีวิต 

สำหรับเรื่องการดีไซน์ ต้องยกให้เป็นโครงการที่ออกแบบตัวอาคารได้อย่างน่าประทับใจ มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยสไตล์ Modern Classic โดยตัวบ้านจะเน้นให้มีช่องหน้าต่างทรงสูงหลายบาน สอดรับกับรูปลักษณ์ของตัวอาคารที่เป็นทรงสูงได้อย่างลงตัว รวมทั้งยังเป็นฟังก์ชันช่วยเพิ่มความโปร่งสบายในการอยู่อาศัยอีกด้วย 

ลักษณะฟอร์มฝั่งด้านหน้าตัวอาคารบ้านจะมีการแบ่งระดับชั้นให้เห็นได้ชัดเจน ช่วยให้บ้านดูมีมิติโดด

เด่นมากขึ้น ประตูรั้วทางเข้าบ้านมีดีไซน์ลวดลายฉลุ ทั้งยังมีการเลือกใช้วัสดุที่เป็นลายเทารมดำ และโทนสีของบ้านจะเน้นเป็นสีน้ำตาล-ขาว ทำให้บ้านดูเรียบหรูและอบอุ่นไปในเวลาเดียวกัน

ตัวอาคารด้านหลังบ้าน มีดีไซน์ที่ไม่น้อยหน้าฝั่งด้านหน้าบ้านเช่นเดียวกัน โดยจะมีการออกแบบโครงสร้างที่มีลวดลายฉลุในแบบเดียวกันกับประตูรั้วบ้าน ซึ่งพื้นที่ด้านในนี้จะเป็นส่วนของบันไดหนีไฟของแต่ละบ้านค่ะ

Home Type

โครงการมีทาวน์โฮมและบ้านแฝดให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้ 

• แบบบ้าน ATINA : พื้นที่ใช้สอย 457-600 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ที่จอดซูเปอร์ไบค์ 1 ห้องแม่บ้าน

• แบบบ้าน BIANCA : พื้นที่ใช้สอย 346-394 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ที่จอดซูเปอร์ไบค์ 1 ห้องแม่บ้าน

• แบบบ้าน CORINA : พื้นที่ใช้สอย 515-542 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ 1 ที่จอดซูเปอร์ไบค์ 1 ห้องแม่บ้าน

สำหรับครั้งนี้ทีมงาน Home Buyers จะพาไปรีวิวแบบบ้าน ATINA แบบเจาะลึกทุกมุมบ้าน ตามไปชมกันค่ะ

แบบบ้าน ATINA

แบบบ้าน ATINA เป็นลักษณะทาวน์โฮม 4.5 ชั้น มีขนาดหน้ากว้าง 6.9 ม. ความลึกของบ้านอยู่ที่ประมาณ 11 ม. สร้างอยู่บนที่ดินเริ่มต้น 29.6 ตร.ว. มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 457 ตร.ม. ทาวน์โฮมหลังนี้ถูกแบ่งฟังก์ชันให้มี 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ที่จอดซูเปอร์ไบค์ 1 ห้องแม่บ้าน 

โดยมุม Living Area มีเพดานแบบ Double Volume สูงโปร่งถึง 5 ม. ห้อง Master Bedroom จะอยู่ชั้น 3 ซึ่งมีขนาดใหญ่เต็มทั้งชั้น และชั้นดาดฟ้าของทาวน์โฮมหลังนี้ มีสระว่ายน้ำส่วนตัวอีกด้วยค่ะ

จากแปลนของแบบบ้าน ATINA เรามาดูกันดีกว่าว่าแต่ละชั้นแบ่งฟังก์ชันกันอย่างไรบ้าง

ชั้นใต้ดิน : เริ่มต้นด้วยมีพื้นที่ลานจอดรถ จอดได้ 3 คันสบายๆ ยังมีที่เหลือสำหรับจอดซูเปอร์ไบค์ได้อีก 1 คัน ภายในบ้านของชั้นนี้ ฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่แบ่งเป็นห้องต่างๆ โดยจะมีห้องซักรีด ห้องครัวไทย ห้องแม่บ้าน และห้องน้ำสำหรับแม่บ้าน ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นโถงบันได และลิฟต์ที่ใช้งานได้ถึงชั้นดาดฟ้า ส่วนด้านหลังบ้านจะเป็นลานซักล้าง สามารถขึ้นบันไดไปยังสวนหลังบ้านที่อยู่บนชั้น 1 ได้

ชั้น 1 : ด้านหน้าบ้านจะเชื่อมกับสวนส่วนกลาง บริเวณด้านในรั้วบ้านจะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนแบบ Outdoor ส่วนภายในบ้าน มีพื้นที่ใช้สอยกว้าง ลักษณะแบบ Open Space ฟังก์ชันการใช้งานเชื่อมกันทั้งหมด ซึ่งจะแบ่งให้มีโถงต้อนรับ,มุม Living Area, Dining Area, ครัวสไตล์ยุโรป, ห้องน้ำรับแขก

ชั้นลอย : มีห้องอเนกประสงค์ สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัย

ชั้น 2 : จะเป็นโซนพักผ่อน มีห้องนอนที่ 2 และ 3 โดยทั้งสองห้องนอนนี้มีห้องน้ำในตัว

ชั้น 3 : บริเวณชั้นนี้ทั้งหมด เป็นส่วนของห้อง Master Bedroom ภายในห้องมีขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีพื้นที่ระเบียงอยู่ด้านข้างบ้าน

ชั้น 4 หรือชั้นดาดฟ้า  : มีสระว่ายน้ำ ที่มาพร้อมกับ Pavilion เป็นพื้นที่ทำกิจกรรม หรือนั่งพักผ่อนสำหรับสมาชิกในครอบครัว

พื้นที่ลานจอดรถจะอยู่ชั้นใต้ดิน โดยทุกแบบบ้านจะมีการกั้นแบ่งอาณาเขตอย่างชัดเจน ถ้าหากเจ้าของ

บ้านอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สามารถต่อเติมประตูปิดกั้นพื้นที่จอดรถเพิ่มได้ 

สำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้ จอดได้ถึง 3 คัน และซูเปอร์ไบค์อีก 1 คัน ทางโครงการได้ติดตั้ง EV Charger พร้อมใช้งาน และบริเวณนี้ยังมีห้องเก็บของ ทำเป็นชั้นเก็บรองเท้าได้ โซนพื้นที่ลานจอดรถนี้จะมีระบบ Motion Sensor Lighting เปิด-ปิดไฟอัตโนมัติผ่านการจับความเคลื่อนไหวของคนค่ะ

ประตูทางเข้าบ้านตรงพื้นที่ลานจอดรถ จะได้เป็นประตู Digital Door Lock ที่ได้คุณภาพของแบรนด์ Kaadas จากประเทศเยอรมัน มีดีไซน์เรียบหรูด้วยโทนสีดำ ขอบสีทอง เข้ากับตัวบ้านที่ดู Luxury ได้อย่างดี และตรงขอบประตู-หน้าต่างทุกบานของชั้นใต้ดิน และชั้น 1 จะมีระบบกันโมย Door Window Sensor ติดตั้งไว้ให้ ถ้ามีการงัดแงะจากบุคคลภายนอก จะมีการแจ้งเตือนให้กับผู้พักอาศัยทันที

เปิดประตูเข้ามา จะเจอกับโถงต้อนรับซึ่งอยู่ตรงกลางบ้าน ฝั่งซ้ายจะเป็นช่องลิฟต์โดยสารและโถงบันได ส่วนฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่ถูกกั้นเป็นสัดส่วน แบ่งเป็นห้องๆ โดยจะมีทั้งห้องซักรีด ห้องครัวไทย ห้องแม่บ้านและห้องน้ำส่วนตัวของแม่บ้าน

จากโถงต้อนรับ มาทางฝั่งขวา เราจะเห็นช่องทางเดินยาวที่เชื่อมกับห้องต่างๆ ของชั้นนี้ สุดทางเดินจะเป็นประตูสำหรับเปิดออกไปยังพื้นที่ลานซักหลังบ้าน ที่สามารถเดินบันไดขึ้นไปยังสวนบนชั้น 1 ได้

ห้องแรก เป็นห้องซักรีด ที่มีขนาดเพียงพอที่จะวางเครื่องซักผ้าขนาดมาตรฐานได้ และยังมีพื้นที่ สามารถ Built-in ตู้เก็บของ ทำราวแขวนเสื้อผ้า พร้อมกับทำมุมสำหรับรีบผ้าได้อีก ถือว่าเป็นห้องซักรีด ที่ใช้งานได้ครบฟังก์ชัน

เดินเข้ามาด้านใน ใกล้กับห้องซักรีด จะเป็นห้องครัวไทย ที่เจาะช่องหน้าต่างเปิดระบายอากาศ ออกไปยังหลังบ้านได้ ภายในห้องวางเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ได้ลงตัว และยังสามารถแบ่งพื้นที่วางตู้เย็นขนาดใหญ่ 2 ประตูได้อีกด้วยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องของแม่บ้าน และห้องน้ำส่วนตัวที่อยู่ติดกันแบบนี้ ทำให้การเป็นอยู่ของแม่บ้านมีความสะดวกสบาย อยากจะเข้าห้องน้ำก็สามารถที่จะเข้าได้เลย ไม่ต้องเดินไปที่พื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ให้รู้สึกเกรงใจเจ้าของบ้าน ทั้งยังอยู่ใกล้กับห้องครัวไทยและห้องซักรีด ช่วยให้ง่ายต่อการทำงานบ้านด้วยค่ะ

ภายในห้องแม่บ้านจะมีช่องหน้าต่างให้ด้วย เป็นทั้งช่องระบายอากาศ เปิดรับลม รับแสงได้ดี ช่วยให้บรรยากาศของห้องไม่ทึบตัน และไม่รู้สึกอึดอัด

ห้องน้ำชั้นใต้ดิน มีฟังก์ชันการใช้งานครบ ทั้งโซนแห้งและโซนเปียก โดยจะวางสุขภัณฑ์ในแนวเดียวกันตามหน้ากว้างของห้อง ซึ่งห้องน้ำชั้นนี้จะได้สุขภัณฑ์ American Standard ภายในห้องจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ สามารถทำความสะอาดได้ง่าย

สุดทางเดินของชั้นใต้ดิน จะมีประตูที่สามารถเปิดออกไปยังพื้นที่ลานซักล้างหลังบ้าน บริเวณนี้มีพื้นที่สำหรับวางพวกถังเก็บน้ำ+ปั๊มน้ำ และยังมีบันไดสามารถที่จะเดินเชื่อมขึ้นไปยังสวนหลังบ้านบริเวณชั้น 1  ซึ่งการออกแบบให้มีช่องเปิดรับแสงลักษณะนี้ ข้อดีก็คือ ช่วยให้พื้นที่ชั้นใต้ดินมีการระบายอากาศที่ดี สามารถสัมผัสกับอากาศธรรมชาติได้โดยตรง เมื่ออยู่อาศัยในชั้นใต้ดินก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากอยู่อาศัยในชั้นอื่นๆ เลยค่ะ

จากพื้นที่ลานซักล้างที่อยู่ชั้นใต้ดิน ขึ้นบันไดมา เราจะเจอกับสวนหลังบ้านเชื่อมไปยังพื้นที่ด้านข้างบ้าน เหตุผลที่ทาวน์โฮมหลังนี้มีพื้นที่ข้างบ้านและหลังบ้าน เพราะว่าบ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นบ้านแปลงมุม ซึ่งบริเวณนี้ผู้พักอาศัยสามารถที่จะปลูกต้นไม้ จัดเป็นมุมนั่งเล่นได้ค่ะ

พื้นที่ด้านข้างบ้าน สำหรับบ้านตัวอย่างจะมีการตกแต่งปลูกต้นไม้ริวรั้ว ช่วยให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังได้บรรยากาศความสดชื่นให้กับบ้านด้วยนะคะ และบริเวณพื้นที่ด้านข้างนี้ ตรงตัวอาคารบ้านจะมีประตูที่เปิดเข้าไปยังมุม Dining Area ที่อยู่ภายในบ้านได้อีกด้วย

เดินต่อมายังหน้าบ้านของชั้น 1 พื้นที่ด้านหน้านี้ได้มีการทำม้านั่งบริเวณริมรั้วบ้าน เป็นมุมนั่งพักผ่อนอีก 1 จุด ถ้ามีเพื่อนบ้านแวะมาทักทาย ก็ชวนกันมานั่งคุยเล่นตรงมุมนี้ได้ ฝั่งตรงข้ามม้านั่งจะเป็นช่องประตู 4 บาน สามารถเปิดรับลมให้เข้าไปยังพื้นที่ด้านในได้ ซึ่งช่องประตูและหน้าต่างทุกบานของบ้านทุกหลังในโครงการ จะเป็นวัสดุกรอบอลูมิเนียมสีดำของ Tostem

จากรั้วกำแพงบ้านจะมีประตูทางเข้าเป็นลักษณะบานเปิด มีลวดลายฉลุสวยงาม ความสูงของประตูอยู่ที่ประมาณ 90 ซม. ส่วนบริเวณประตูทางเข้าไปยังด้านในบ้าน มีหลังคาทำเป็นโถงทางเดินสั้นๆ คอยบังแดง บังฝนให้ และส่วนของกำแพงรั้วบ้านฝั่งด้านข้างที่เชื่อมกับเพื่อนบ้านจะมีความสูงประมาณ 1 ม. ขณะเดียวกันบ้านทุกหลังในโครงการจะมีผนังกั้นระหว่างอาคาร ในรูปแบบ Double Wall ให้มีช่องอากาศระหว่างผนัง ช่วยเก็บเสียงได้ดี และลดเสียงรบกวนจากข้างบ้านด้วยกันได้

จากประตูทางเข้าหลัก เปิดเข้ามา มุมแรกที่เราเจอ คือ มุมโถงต้อนรับ หรือ Foyer ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากทาวน์โฮมทั่วไป ที่ปกติแล้วจะเจอกับมุม Living Area ก่อนเจอมุมอื่นๆ ของบ้าน 

โดยมุมนี้จะมีเพดานที่สูงโปร่ง ตรงฝ้าเพดานสามารถหา Chandelier ดีไซน์ที่ชอบมาติดตั้งได้ เพื่อสร้างบรรยากาศความประทับใจแรกให้กับแขกที่มาเยือน ก่อนจะพาไปนั่งที่มุม Living Area ซึ่งจะอยู่ถัดไปด้านในค่ะ

ภายในบริเวณชั้น 1 เป็นพื้นที่แบบ Open Space ที่ทุกฟังก์ชันเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด ทำให้ภาพรวมของชั้นนี้มีพื้นที่ที่กว้างขวาง และโปร่งโล่งด้วยเพดาน Double Volume สูงถึง 5  ม. 

ข้อดีของการที่มีแปลนแบบ Open Space คือ สามารถที่จะจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งได้อย่างอิสระตามความต้องการ โดยทางบ้านตัวอย่างได้แบ่งฟังก์ชันให้มุม Living Area อยู่ใกล้กับช่องแสงด้านหน้า ด้านในจะเป็นมุม Dining Area และครัวสไตล์ยุโรป

มุม Living Area มีพื้นที่วางโซฟาขนาดใหญ่ได้ พร้อมทั้งวางโต๊ะกลาง เก้าอี้เดี่ยวนั่งด้านข้าง จัดวางได้ลงตัว ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะทำเป็นชั้นวางทีวี ชั้นวางของแบบเปิดโล่งไว้โชว์ของสะสมแบบบ้านตัวอย่างหลังนี้ก็ได้ หรือจะติดตั้งทีวีแบบแขวนก็ช่วยให้บ้านดูโมเดิร์นมากยิ่งขึ้น มุมนี้จะอยู่ติดกับช่องประตู 4 บาน ที่สามารถเปิดระบายอากาศ รับแสงธรรมชาติจากหน้าบ้าน และมองเห็นวิวสวนส่วนกลางได้เต็มสายตา

สำหรับพื้นชั้น 1 จะปูด้วยวัสดุกระเบื้องพอร์ซเลน ลายหินอ่อน อีกทั้งทาวน์โฮมหลังนี้จะมีระบบ Smart Home Smart Lighting ควบคุมการเปิดปิดไฟ ม่าน เครื่องปรับอากาศได้ รวมถึงการแจ้งเตือนระบบกันขโมย ทุกอย่างสามารถสั่งการผ่าน Mobile Application

ถัดมา จะเป็นพื้นที่ของมุม Dining Area จะอยู่ตรงกลางบ้าน เชื่อมกันกับมุม Living Area และครัวสไตล์ยุโรปที่อยู่ด้านหลัง พื้นที่ตรงนี้สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6-8 ที่นั่งได้ ยังมีพื้นที่เหลือด้านข้างเป็นช่องทางเดินได้สบาย บริเวณนี้จะมีช่องแสง 4 จุด อยู่ตรงผนังฝั่งด้านข้าง ด้านล่างจะเป็นประตู 2 บาน ด้านบนเป็นช่องหน้าต่างอีก 2 บาน โดยชั้น 1 มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Cassette Type ให้ด้วยมาพร้อมกับบ้านมาตรฐานส่งมอบเลยค่ะ

ด้านในสุด เป็นพื้นที่ฟังก์ชันครัวแบบเปิดโล่ง สไตล์ยุโรป ทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้เป็นไอเดีย ว่าสามารถที่จะวางเคาน์เตอร์ Island แบบนี้ได้ นอกจากจะใช้งานในการจัดเตรียมอาหารได้แล้ว ยังเป็นมุมทานอาหารเช้าง่ายๆ หรืออยากจะทานอาหารในช่วงเวลาเร่งรีบ สามารถที่จะนั่งทานตรงนี้ได้เลย ไม่ต้องยกจานไปเสิร์ฟที่โต๊ะอาหาร ทานอาหารเสร็จแล้วก็เก็บจาน ล้างจานให้เสร็จสรรพตรงบริเวณนี้ได้ทันที ถือว่าเป็นการใช้งานที่สะดวกมากๆ

ทางด้านหลัง บริเวณพื้นที่ครัวสไตล์ยุโรป จะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวชิดผนังลักษณะนี้ ก็ใช้งานได้ลงตัว ตรงผนังจะมีช่องหน้าต่างมาให้ 3 จุด เปิดระบายกลิ่นและควัน ขณะทำอาหารได้

อีกฝั่งของมุมครัวสไตล์ยุโรป จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room ไว้สำหรับรองรับแขกได้ ภายในห้องมีขนาดพอเหมาะกับการใช้งาน มุมอ่างล้างหน้าอยู่ติดกับประตูทางเข้า ส่วนโถสุขภัณฑ์จะชิดมุมอยู่ด้านใน ซึ่งบริเวณนี้เองจะมีช่องหน้าต่าง เปิดระบายอากาศ ลดความอับชื้นภายในห้องได้ค่ะ

ฝั่งด้านข้างของมุม Dining Area เป็นพื้นที่ของโถงลิฟต์และโถงบันได ผนังด้านหน้าโถงลิฟต์ จะมีหน้าจอ Video Door Phone สามารถใช้ในการติดต่อกับแขกที่มาเยี่ยมที่รออยู่ด้านหน้าโครงการได้ 

ส่วนตรงบริเวณโถงบันได มีระบบ Motion Sensor Lighting เปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ซึ่งได้ติดตั้งไว้บริเวณโถงบันไดทุกชั้น และยังเป็นระบบไฟแบบเดียวกันกับตรงบริเวณพื้นที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน

ตรงบริเวณชานพักบันไดของทุกชั้น จะมีประตูทางหนีไฟ ซึ่งบันไดหนีไฟอยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน

โครงสร้างของบันได เป็นลักษณะคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความแน่นและแข็งแรง ลูกนอนปูด้วยวัสดุไม้เนื้อแข็ง ความกว้างของช่องบันไดจะอยู่ที่ประมาณ 1 ม. ตลอดแนวบันได มีราวจับให้ เพื่อให้การเดินขึ้น-ลงมีความปลอดภัย ส่วนโถงลิฟต์จะอยู่อีกมุมผนัง ถ้าเราออกจากลิฟต์ จะเห็นชั้นนี้ด้วยมุมมองนี้เลยค่ะ

สำหรับชั้นนี้จะเป็นชั้นลอย ซึ่งอยู่ถัดจากชั้น 1 พื้นที่ของชั้นนี้จะมีเพียง 1 ห้อง เป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง ห้องนั่งเล่นส่วนตัว เป็นต้น

ภายในห้องจะมีขนาดไม่ได้เล็กเลยนะคะ ทำเป็นห้องทำงานส่วนตัว จัดวางโต๊ะ ตู้เก็บของ โซฟานั่งริมหน้าต่างได้แบบหลวมๆ นั่งทำงานได้สบาย ห้องนี้จะมีช่องหน้าต่างมาให้ 3 บาน รับลม รับแสงธรรมชาติจากทางหลังบ้าน 

อีกฝั่งของห้อง ได้มีการเจาะช่องทำเป็นช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดออก ทักทายกับสมาชิกในบ้านที่อยู่ในชั้น 1 ได้ และยังทำให้ห้องนี้มีลมเข้ามาได้ Flow จากเพดานสูงของชั้น 1 ได้อีกด้วย ตรงช่องหน้าต่างนี้ยังมีการติดตั้งราวกันตกเหล็กสูงประมาณ 1 ม.ไว้ให้ เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นให้กับสมาชิกในบ้านที่เข้ามาใช้พื้นที่ในห้องนี้

จากมุมมองของห้องอเนกประสงค์ตรงบริเวณชั้นลอย เมื่อมองลงมาจะเห็นมุม Living-Dining Area ได้เต็มพื้นที่

เราเดินขึ้นบันไดมาชั้น 2 กันต่อนะคะ ชั้นนี้จะเป็นโซนพักผ่อน ที่แบ่งให้มีห้องนอนที่ 2 และ 3 โดยปกติแล้ว ทาวน์โฮมทั่วไปจะมี 2 ชั้น ชั้น 2 มักจะแบ่งให้มีห้องนอน 3 ห้อง ทำให้ห้องนอนแต่ละห้องมีขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ทาวน์โฮมหลังนี้จะแบ่งให้ห้องนอนรองอยู่ชั้น 2 ห้องจึงมีขนาดค่อนข้างกว้าง จัดสรรแบ่งพื้นที่การใช้งานสำหรับอยู่อาศัยคนเดียวแบบส่วนตัวได้สบายเลยค่ะ

บริเวณหน้าห้องนอนที่ 2 มีพื้นที่ว่าง ทำเป็นมุมอเนกประสงค์ได้ หรือจะ Built-in ตู้เก็บของสูงจรดเพดาน ก็ทำให้มีที่เก็บของได้มากขึ้น เป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

ห้องนอนที่ 2 ตำแหน่งอยู่ฝั่งหน้าบ้าน ภายในห้องมีพื้นที่สำหรับวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้ ข้างหัวเตียงยังมีพื้นที่วางโต๊ะ หรือตู้ลิ้นชักเก็บของเล็กๆ ได้ทั้งสองฝั่ง ส่วนปลายเตียงยังมีพื้นที่เหลืออีกกว้าง ที่ยังสามารถวางเก้าอี้ยาว พร้อมโต๊ะกลมเล็กๆ ไว้จิบน้ำชายามบ่ายแบบส่วนตัวได้อีก และห้องนี้มีหน้าต่างแบบบานเปิด อยู่ 3 บาน รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้อย่างทั่วถึง

ด้านผนังตรงข้ามเตียง สามารถ Built-in ชั้นวางทีวี และติดตั้งทีวีจอใหญ่ได้ เพราะมีพื้นที่เพียงพอ และมีระยะสายตาที่กำลังดี ฝั่งด้านข้างเตียง จะเป็นมุมแต่งตัวที่แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน แยกการใช้งานได้ชัดเจน ส่วนห้องน้ำจะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า

มุมแต่งตัว มีพื้นที่พอเหมาะที่จะ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มผนัง และจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ได้ลงตัว ทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งด้วยการติดตั้งกระจกเงาขนาดใหญ่เต็มผนังให้ดูเป็นไอเดีย ทำให้มุมนี้ดูกว้างขึ้น เดินส่องกระจกได้ทุกมุม จะหยิบเสื้อผ้ามาลองก็ทำได้สะดวก

สำหรับห้องน้ำส่วนตัวของห้องนอนที่ 2 มีขนาดกว้างมากๆ สิ่งที่ชอบ คือทางโครงการได้ให้ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ช่วยให้ห้องน้ำสว่าง บวกกับการตกแต่งด้วยโทนสีขาว ได้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด  แต่อาจจะต้องติดม่านมู่ลี่เพิ่ม เพื่อความส่วนตัวเวลาเข้ามาใช้งาน 

ภายในห้องมีสุขภัณฑ์ให้ครบชุด ซึ่งห้องน้ำทุกห้อง ยกเว้นห้องน้ำชั้นใต้ดิน จะได้สุขภัณฑ์ของแบรนด์ Kohler และได้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกเปลือยเทมเปอร์ใส Flameless มาพร้อมกับบ้านมาตรฐานส่งมอบ

ห้องนอนที่ 3 มีขนาดรองลงมาจากห้องนอนที่ 2 ไม่มากนัก ตำแหน่งจะอยู่ฝั่งหลังบ้าน ห้องนี้มีหน้าต่างมาให้ 3 บานเช่นเดียวกัน และภายในห้องมีพื้นที่กำลังดีที่จะจัดวางฟังก์ชันการใช้งานได้ครบ ตั้งแต่มุมพักผ่อน วางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้ ด้านข้างมุมหัวเตียงมีพื้นที่ทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งลงตัวได้พอดี สำหรับบ้านมาตรฐานส่งมอบจะได้ฝ้าหลุมพร้อมไฟซ่อน ซึ่งฝ้าลักษณะนี้จะมีให้ทุกห้องนอน

ตรงข้ามเตียงนอน สามารถติดตั้งทีวิและชั้นวางได้ โดยตรงด้านข้างยังมีพื้นที่ว่าง อาจจะนำตู้ลิ้นชักเก็บของ หรือเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอื่นๆ มาวางเพิ่มเติมได้ค่ะ

ส่วนฝั่งด้านข้างเตียงนอน เราจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนังแบบนี้ ก็สามารถเก็บเสื้อผ้า หรือของใช้ต่างๆ ได้เยอะพอสมควร และฝั่งนี้ยังเชื่อมกับห้องน้ำส่วนตัว เมื่ออาบน้ำเสร็จ ก็เดินออกมาหยิบเสื้อผ้าแต่งตัว แต่งหน้าตรงมุมนี้ได้เลยค่ะ

ห้องน้ำในห้องนอนที่ 3 มีลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง โดยมีการจัดวางสุขภัณฑ์เรียงในแนวเดียวกัน ทำให้มีช่องพื้นที่ทางเดินเป็นสัดส่วน ช่วยให้เข้ามาใช้งานมีความสะดวกยิ่งขึ้น ภายในห้องมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ตัดกับกระเบื้องโทนสีเข้ม

Master Bedroom จะอยู่ชั้น 3 ห้องมีขนาดใหญ่เต็มทั้งชั้น ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ Penthouse มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก ห้องนี้จะมีหน้าต่างทั้งฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน โดยหน้าต่างฝั่งหน้าบ้าน มีขนาดใหญ่ มีทั้งรูปแบบบานฟิกและบานเลื่อน ทำให้บรรยากาศในห้องมีความผ่อนคลายด้วยแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านหน้าต่างและให้ความสว่างได้ทั่วถึงทั้งห้อง 

สำหรับวัสดุพื้น ตั้งแต่ชั้นลอยถึงชั้น 3 นี้ จะปูด้วยวัสดุเป็นพื้น Engineering Wood และความสูงจากพื้นถึงฝ้าของทุกชั้น (ยกเว้นมุม Living-Dining Area) จะมีความสูง 2.7 ม.

ภายในห้อง Master Bedroom มีพื้นที่กว้าง ให้ตกแต่ง วางเฟอร์นิเจอร์ได้หลายมุม อย่างมุมพักผ่อนโซนนี้ สามารถวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ ยังมีพื้นที่เหลืออีกเพียบ ที่จะวางเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ได้อีก แถมยังมีช่องทางเดินได้กว้าง เดินสวนทางกัน 2 คนก็ยังไม่รู้สึกคับแคบ ส่วนฝั่งตรงข้ามเตียง จะ Built-in ตู้เก็บของเป็นชั้นวางทีวี มาพร้อมกับติดตั้งทีวีจอใหญ่ นอนดูหนังได้สบาย

ใกล้กับเตียงนอน ฝั่งริมหน้าต่าง มีพื้นที่เพียงพอที่จะทำเป็นมุมนั่งพักผ่อนส่วนตัวแบบ Bay Window ได้ สามารถมองเห็นวิวมุมสูงฝั่งหน้าบ้าน และสวนส่วนกลางที่อยู่ด้านล่างได้ค่ะ

ตรงบริเวณผนังฝั่งติดตั้งทีวี จะมีประตูกระจกแบบบานเปิด ที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงด้านข้างได้ ซึ่งพื้นที่ระเบียงนี้จะทำเป็นมุมนั่งเล่น นั่งอ่านหนังสือแบบ Semi-Outdoor เหมือนกับบ้านตัวอย่างหลังนี้ได้ หรือจะหาต้นไม้มาปลูกทำเป็นสวนเล็กๆ ก็ช่วยให้บรรยากาศของห้องมีความสดชื่นขึ้นมาได้เยอะ

เดินกลับเข้ามาด้านในห้อง จะพาไปชมมุม Walk-in Closet ของห้องนี้กัน ซึ่งบ้านตัวอย่างได้ตกแต่ง

มุมนี้ให้อยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน ใกล้กับห้องน้ำส่วนตัวภายในห้อง โดยมีการออกแบบให้ดูเป็นไอเดีย ด้วยการกั้นห้องเป็นผนังกระจก เพื่อให้บรรยากาศในห้องยังดูโปร่งอยู่ แต่ก็มีการแบ่งฟังก์ชันการใช้งานแยกเป็นสัดส่วน 

ซึ่งด้านในจะถูกแบ่งให้มีมุมตู้เสื้อผ้าเต็มผนังฝั่งนึง ตรงกลางจะมีตู้เก็บของแบบ Island กั้นระหว่างมุมตู้เสื้อผ้า และมุมโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนในมุมโต๊ะเครื่องแป้ง มีพื้นที่สามารถที่จะ Built-in โต๊ะยาวชิดผนัง ทำให้มีมุมแต่งหน้าใช้งานได้กว้างเลยทีเดียว

สำหรับห้องน้ำในห้อง Master Bedroom มีขนาดกว้างขวางมาก โดยมีการออกแบบให้ตรงกลางห้องเป็นส่วนการใช้งานของอ่างล้างหน้าในรูปแบบ His&Her ฝั่งด้านข้างจะเป็นห้องอาบน้ำและห้องสุขา ที่มีสุขภัณฑ์ติดตั้งพร้อมใช้งาน โดยโซนนี้จะมีพื้นลดระดับลงไปเล็กน้อย และมีการติดตั้งฉากกั้นกระจกแบ่งพื้นที่ทั้งสองห้องอย่างชัดเจน เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน

ส่วนอีกฝั่งของห้องน้ำ ได้ติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว ผนังด้านข้างมีการทำช่องสำหรับวางสบู่ ของใช้ต่างๆ ซึ่งวางของได้ค่อนข้างเยอะ และในบริเวณนี้จะมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ช่วยให้การนอนแช่น้ำ ได้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายได้ดี

จุดไฮไลต์ของแบบบ้าน ATINA จะอยู่ชั้น 4 หรือชั้นดาดฟ้า ซึ่งชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว มาพร้อมกับมุมนั่งพักผ่อนแบบ Semi-Outdoor ผู้พักอาศัยสามารถเดินขึ้นบันไดมาได้ หรือถ้ามีผู้สูงวัยอาศัยอยู่ด้วย และอยากจะขึ้นมาพักผ่อนชั้นดาดฟ้า ก็สามารถที่จะขึ้นมาทางลิฟต์ได้ค่ะ

เปิดประตูออกมา จะเห็นมุมตรงหน้าแบบนี้ โดยชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดประมาณ 7.35 x 3 ม. ผนังกำแพงจะมีความสูงประมาณ 1.5 ม.ด้านบนเป็น Pavilion ที่มีระแนง คอยบดบังสายตาจากเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้

เดินขึ้นบันไดมาอยู่ตรงมุมนั่งพักผ่อนบริเวณ Pavilion มุมนี้มีพื้นที่ วางเก้าอี้นั่งเอนหลังริมสระได้ 2 ตัว 

พื้นที่โดยรอบยังสามารถที่จะปลูกต้นไม้ริมรั้วได้ และชั้นนี้จะมีลมพัดผ่านไปมาได้ดีมากๆ เมื่อมานั่งพักผ่อนด้านบนนี้ ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศการไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศเลยล่ะค่ะ

บ้านมาตรฐานและวัสดุ

บ้านมาตรฐานส่งมอบของโครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin จะได้เป็นบ้านที่ไม่ได้มีการตกแต่งภายใน ส่วนวัสดุ หรืออื่นๆ ที่มาพร้อมกับบ้านจริงที่ส่งมอบ มีดังนี้

• Fully Home Automation
• Video Door Phone
• Digital Door Lock แบรนด์ Kaadas
• มือจับประตูสีทอง แบรนด์ Hafele
• ปลั๊กไฟ+สวิตช์ไฟ แบรนด์ ART DNA
• EV Charger 
• กรอบประตูและหน้าต่าง อลูมิเนียมสีดำ แบรนด์ Tostem
• เครื่องปรับอากาศ
• ฝ้าหลุมซ่อนไฟ ในห้องนอนทุกห้อง
• พื้นวัสดุกระเบื้อง Porcelain และพื้นวัสดุ Engineering Wood
• ปูหญ้า จัดสวน ตามมาตรฐานโครงการ
• ลิฟต์ แบรนด์ Schindler
• สระว่ายน้ำส่วนตัว
• ถังเก็บน้ำ + ปั๊มน้ำ

• สุขภัณฑ์ในห้องน้ำชั้นใต้ดิน จะได้ของแบรนด์ American Standard
• สุขภัณฑ์ในห้องน้ำอื่นๆ จะได้ของแบรนด์ Kohler และมีฉากกั้นอาบน้ำให้
• สำหรับห้องน้ำในห้อง Master Bedroom จะได้เพิ่มในส่วนของอ่างล้างหน้า His&Her และอ่างอาบน้ำ

Location

โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 (เสนานิคม 2) ภายในซอยจะเป็นแหล่งชุมชนใจกลางเมืองย่านพหลโยธิน ที่อยู่อาศัยมีตั้งแต่บ้านเดี่ยว บ้านตึกแถว ทาวน์โฮม คอนโด รวมถึงมีร้านค้า ร้านอาหารเรียงรายกันมากมาย ผู้คนเดินผ่านไปมาค่อนข้างจะคึกคักมากๆ ส่วนโครงการนี้จะอยู่ช่วงท้ายซอย บรรยากาศจะมีความเงียบสงบและได้ความเป็นส่วนตัว

จุดเด่นของซอยพหลโยธิน 34 สามารถเดินทางเข้า-ออก ได้ 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ ถนนพหลโยธิน ใช้เส้นนี้ขับไปย่านจตุจักร อารีย์ หรือเข้าไปเมืองชั้นในอย่างย่านสยามได้ เส้นที่ 2 เชื่อมต่อไปถนนประเสริฐมนูกิจ (ถ.เกษตร-นวมินทร์) ส่วนเส้นที่ 3 จะเป็นถนนเสนานิคมเชื่อมไปยังถนนลาดพร้าววังหินได้ อีกทั้งโครงการยังใกล้กับทางพิเศษฉลองรัช จะไปโซนธุรกิจ CBD ก็มีความคล่องตัวสูง

ตรงบริเวณปากซอยพหลโยธิน 34 จะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเสนานิคม ห่างจากโครงการเพียง 1.7 กม. สถานีที่ใกล้อีกจุด คือ สถานีรัชโยธิน ซึ่งจะอยู่ใกล้ห้างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน

เรื่องจับจ่ายใช้สอย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำเลนี้ไม่ได้น้อยหน้าโซนไหนเลยนะคะ เพราะว่ามีแหล่งไลฟ์สไตล์อยู่ใกล้ๆ กับโครงการมากมาย เริ่มตั้งแต่ใกล้ที่สุด จะมีเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน บริเวณโซนเดียวกันนี้ มีอเวนิว รัชโยธินอีก 1 Community ให้เข้าไปหาร้านอาหารทานกันได้ 

ถัดออกไปก็จะมีทั้งห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, Union Mall, Lotus’s ลาดพร้าว ส่วนฝั่งถนนประเสริฐมนูกิจ จะมีแหล่งช้อปปิ้งให้เดินเล่นเช่นกัน อย่างเช่น นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว, เดอะวอล์ค เกษตร-นวมินทร์ เป็นต้น

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ รอบๆ โครงการก็ยังมีโรงพยาบาลเปาโล เกษตร คอยรองรับให้บริการช่วงเจ็บไข้ไม่สบาย เดินทางไปง่าย เพราะอยู่ตรงปากซอยพหลโยธิน 34 นอกจากนี้ยังใกล้กับสถานศึกษาชื่อดังอย่าง โรงเรียนหอวัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อีกทั้งยังใกล้กับแหล่งทำงาน ตึกออฟฟิศใหญ่ๆ อย่าง SCB Park, ปตท.สำนักงานใหญ่, กรมพัฒนาที่ดิน เป็นต้น

การเดินทาง

การเดินทางมายังโครงการ สามารถที่จะใช้เส้นทางได้ 2 สาย 

เส้นทางที่ 1 ขับเข้ามาถนนประเสริฐมนูกิจ มุ่งหน้าไปทางม.เกษตร และเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพหลโยธิน 34 แยก 11 เพื่อเชื่อมไปยังซอยพหลโยธิน 34 ซึ่งเป็นซอยที่ตั้งโครงการ

เส้นทางที่ 2 วิ่งมาทางถนนพหลโยธิน และเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพหลโยธิน 34 ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่ทีมงานเลือกใช้ในการเดินทางไปโครงการค่ะ

พิกัดโครงการ : https://bit.ly/3Efzld3

เริ่มต้นจากวิ่งมาบนถนนประเสริฐมนูกิจ มุ่งหน้าไปทางสี่แยก ม.เกษตร เมื่อถึงสี่แยกให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายไปทางลาดพร้าวตามป้ายด้านบน เพื่อวิ่งไปบนถนนพหลโยธิน

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว ให้ขับตรงไปตามแนวเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปประมาณ 350 ม. ก็จะถึงปากซอยพหลโยธิน 34 จุดสังเกต คือ ปากซอยจะมีสถานีเสนานิคม รถไฟฟ้าสายสีเขียว

เมื่อเห็นป้ายพหลโยธิน 34 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยได้เลยค่ะ

จากปากซอยพหลโยธิน 34 ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 1.7 กม. ก็จะถึงโครงการค่ะ

ที่ตั้งโครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ สามารถที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปเยี่ยมชมโครงการกันได้ค่ะ

Price & Promotion

โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin ทาวน์โฮมและบ้านแฝดแนวคิดใหม่ สูง 4.5 ชั้น สร้างอยู่บนที่ดินเริ่มต้น 22-47 ตร.ว. มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 346-600 ตร.ม. โครงการมีเพียง 13 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 25-35 ล้านบาท*

แต่ละแบบบ้าน มีราคาเริ่มต้นดังนี้

• แบบบ้าน ATINA ราคาเริ่มต้น 29.9 ล้านบาท*
• แบบบ้าน BIANCA ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท*
• แบบบ้าน CORINA Sold Out*

(ราคาขาย ณ เดือนพฤศจิกายน 65 โปรดสอบถามโครงการอีกครั้ง)

สนใจลงทะเบียน รับข้อมูลเพิ่มเติม > > https://bit.ly/3DGMNF6

(โปรโมชัน และส่วนลดอื่นๆ เพิ่มเติมอยู่ที่เงื่อนไขของบริษัทฯ กำหนด)

Conclusion

Design & Function : บ้านในโครงการมีการดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ เรียบหรู และมอบความประทับใจในครั้งแรกที่เห็น ด้วยสไตล์ Modern Classic สะท้อนทั้งความเป็นคลาสสิก และยังแฝงด้วยความทันสมัย โดยโครงการยังใส่ใจในเรื่องการคัดสรรวัสดุจากแบรนด์ที่มีคุณภาพ เน้นออกแบบฟังก์ชันภายในบ้านให้อยู่สบาย ด้วยช่องหน้าต่างและประตูบานสูงหลายจุดทั้งฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน อีกทั้งยังเป็นบ้านสมัยใหม่ มีระบบ Smart Home Smart Lighting และยังมาพร้อมกับลิฟต์ส่วนตัวที่จะมีให้กับบ้านทุกหลังในโครงการ