ปี ‘66 ตลาดบ้านแนวราบแข่งขันต่อเนื่อง “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ลุยเปิด 10-12 โครงการใหม่ มูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาท รองรับตลาดเรียลดีมานด์ ครบทุกเซกเมนท์ ทั้งทาวน์โฮม-บ้านแฝด-บ้านเดี่ยว ราคา 2-9 ล้านบาท ในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครึ่งปีหลังเตรียมบุกตลาด EEC ระยอง และฉะเชิงเทรา รับอานิสงส์ตลาดท่องเที่ยวบูม
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 สถานการณ์เศรษฐกิจไทยภาพรวมคาดว่าจะขยายตัว 3.5-4% เนื่องจากยังมีข้อจำกัดของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลโดยตรง รวมทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงภายในหนี้ภาคครัวเรือน และภาวะดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ประเมินว่าในปี 2566 ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ จะเติบโตขึ้นจากปี 2565 ประมาณ 5%
สำหรับในปีนี้บริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 10-12 โครงการ มูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาท โดยเน้นโปรดักต์บ้านแนวราบครอบคลุมทุกเซกเมนท์ระดับราคา 2-9 ล้านบาท ในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล 90% ส่วนอีก 10% คาดว่าจะพิจารณาที่ดินทำเลต่างจังหวัดในเขต EEC เช่น ระยอง ฉะเชิงเทรา ซึ่งในปีนี้เตรียมงบประมาณสำหรับซื้อที่ดินไว้ที่ 1,500-1,600 บาท และมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการในปีนี้ 60%
“ในปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยทุกประเภท ทุกระดับราคายังแข่งขันกันต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมา ดีเลลอปเปอร์รายใหญ่แย่งส่วนแบ่งการตลาดรายกลางและรายเล็กในทุกๆ เซกเมนท์ ทำให้ทุกดีเวลลอปเปอร์ต้องปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขัน”
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2566 นี้ไว้ที่ 8,600 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 6,850 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตัว 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีการบริหารงานที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) รวมถึงการมุ่งเน้นไปสู่การเป็น Digital Organization อย่างเต็มรูปแบบ ควบคู่ไปกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง อันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะของลลิลฯ ให้เป็นองค์กรที่รู้รอบแบบเจาะลึก มุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ เสริมสร้างศักยภาพให้ทุกคนในองค์กร ให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ รู้กว้าง คิดไกล อยู่กันด้วยความเข้าใจ เพื่อสร้างความแข็งแรงจากภายใน มุ่งสู่การเป็น National Property Company ตามเป้าหมายที่ได้วางร่วมกัน
สำหรับแผนการตลาด ในปี 2566 นี้ จะใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้น Customer Centric ผ่านกลยุทธ์ทั้ง Lifestyle Marketing และ Experience Marketing โดยต่อยอดการทำตลาดผ่านช่องทาง Digital ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มมากขึ้น และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มที่เป็น Real Demand โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในรูปแบบของ New Design และ Smart Function ของตัวบ้าน โดยช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทเป็นรายแรกที่นำรูปแบบความงดงามของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่เรียบหรู มาออกแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศสแบบ French Colonial Style บนทำเลศักยภาพ ในราคาที่คุ้มค่า และจับต้องได้