ไรมอน แลนด์ เปิดตัวคอนโดแบรนด์เดอะ ลอฟท์ โครงการที่ 5 "เดอะ ลอฟท์ ราชเทวี" มูลค่า 3.6 พันล้านบาท บนถนนพญาไท ใกล้ BTS พร้อมชูนวัตกรรมใหม่ Dual Keys ทางเลือกสำหรับการอยู่อาศัยในคอนโดเปิดพรีเซลส์รอบแรก 7-8 กันยายน 2562 ที่ VIE Hotel Bangkok
ไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวเดอะ ลอฟท์ ราชเทวี คอนโดมิเนียมแบรนด์เดอะ ลอฟท์ โครงการที่ 5 บนถนนพญาไท ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี และสถานีพญาไท และอนาคตใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีราชเทวี (รถไฟฟ้าสายสีส้ม) มูลค่าโครงการ 3.6 พันล้านบาท
การออกแบบโครงการยังคงอัตลักษณ์ของความเป็น The Lofts Series เป็นคอนโดมิเนียมสไตล์ลอฟต์ที่สร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยแบบพิถีพิถันด้วยความสูงเพดาน สร้างความโปร่งสบาย เพื่อมาตรฐานการอยู่อาศัยเหนือระดับ สะท้อนถึงความตั้งใจในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมให้สวยงาม และทันสมัยตลอดเวลา เพื่อเป็นที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ บนทำเลที่ดีที่สุดของถนนพญาไทอย่างแท้จริง ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการเรียลดีมานด์ หรือผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงที่ต้องการคุณภาพและการอยู่อาศัยแบบเหนือระดับ รวมถึงนักลงทุนในระยะยาว
โครงการเดอะ ลอฟท์ ราชเทวี ตั้งอยูบนถนนพญาไท ออกแบบภายใต้แนวคิด “Experience The Extraordinary Space” ด้วยการนำบริบทแวดล้อมมาผสมผสานเพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบจากความเจริญของย่านเศรษฐกิจที่กระจายรอบทำเล ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่กลุ่มสตาร์ทอัพจนกระทั่งกลุ่มคนทำงานในย่านสยาม พญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พหลโยธิน และสุขุมวิทที่มองหาความสะดวกสบาย คุณภาพชีวิตที่ดี ผสมผสานไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทั้งการทำงาน และชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัว และแวดล้อมด้วยอาคารสำนักงาน สถานศึกษา โรงพยาบาลชั้นนำ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งมากมาย และยังเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าถึง 3 สถานี แบบ Triple Ultimate Stations คือ BTS ราชเทวี (200 เมตร)-BTS พญาไท (300 เมตร) และ MRT ราชเทวี (50 เมตร)
ความโดดเด่นของเดอะ ลอฟท์ ราชเทวี คือการดีไซน์พื้นที่อยู่อาศัยในแต่ละยูนิตให้มีเพดานสูงเป็นพิเศษ สำหรับแบบห้องทางโครงการมีให้เลือกถึง 3 แบบ คือแบบ “ซิมเพล็ก” (Simplex : ห้องชุด แบบชั้นเดียว) เพดานสูงประมาณ 3 เมตร ขนาด 25.5-109.5 ตารางเมตร แบบ “ลอฟท์” (Lofts) เพดานสูงประมาณ 4.7 เมตร แบบ 2 ชั้น ขนาด 29-64.5 ตารางเมตร และแบบ “ดูอัล คีย์” (Dual Key) สำหรับห้องชุดประเภท Simplex เพดานสูงประมาณ 3 เมตร โดยทุกห้องถูกออกแบบให้มีบานกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานแบบเต็มบานช่วยให้เห็นวิวเมืองแบบมุมกว้างทั้งเวลากลางวันและในยามค่ำคืน
ด้วยดีไซน์การออกแบบที่พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียดคำนึงถึงคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ความสวยงาม และไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่นำบริบทของที่อยู่อาศัยมาผสานการออกแบบอาคารเพื่อสภาพแวดล้อมที่ดี ด้วยการสร้างพื้นที่สีเขียวบรรยากาศร่มรื่น และเน้นการเปิดรับลมตามฤดูกาล (Natural Ventilation) ที่สามารถระบายอากาศตามธรรมชาติได้ดีเยี่ยม
อาคารถูกออกแบบมาในรูปทรงที่เรียบง่าย พร้อมการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพมาตรฐานคำนึงถึงฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างลงตัว โครงการมอบความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยด้วยจำนวนห้องพักเพียง 273 ยูนิต สูง 33 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1-2-31.5 ไร่ หรือประมาณ 2,526 ตารางเมตร
นอกจากนี้ยังมีการนำนวัตกรรม Dual Key มาใช้เป็นรายแรกในประเทศไทย เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในห้องชุดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่จะมีห้องสตูดิโอขนาดเล็กแยกอยู่ภายในมาพร้อมฟังก์ชันการอยู่อาศัยครบครันทั้งห้องครัว และห้องน้ำเป็นของตัวเอง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยยังคงความเป็นส่วนตัวไม่รบกวนการใช้งานพื้นที่ระหว่างกัน ทั้งแบบครอบครัว พ่อแม่ลูก ญาติพี่น้อง เพื่อน นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการกลุ่มสตาร์ทอัพ และนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่สามารถใช้ห้องสตูดิโอภายในห้องชุดเป็นโฮมออฟฟิศได้ และยังเป็นช่องทางในการลงทุนเพื่อให้เช่า คือสามารถอยู่อาศัยเองได้ และเปิดอีกห้องให้เช่า โดยจะเป็นฟังก์ชั่นให้ลูกค้าเลือกในรูปแบบ 2-3 ห้องนอน ลักษณะการวางเลย์เอาท์จะมีประตูหลักทางเข้าห้อง 1 ประตู และมีประตูเข้าห้องไปห้องนอน 1 และห้องนอน 2-3 โดยแต่ละห้องมีพื้นที่ห้องนอน ห้องน้ำ และพื้นที่เตรียมอาหาร พร้อมสำหรับการอยู่อาศัย
สำหรับรูปแบบการตกแต่งภายในสามารถใส่รายละเอียดที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้อยู่ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ในแนว “URBAN LIGHT” ที่เน้นความสว่าง จากโทนสีขาว และสีโทนอ่อนของวัสดุเสมือนไม้ และหินอ่อน เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย และอบอุ่นของการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง หรือตกแต่งในทางตรงกันข้ามแบบ “TWILIT NIGHT” สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นความเรียบหรู และทันสมัย การใช้โทนเฉดสีเข้มของสีเทา และดำ แต่ยังแทรกสีของวัสดุ เพื่อสร้างสีสันของชีวิตคนเมือง
ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ โดดเด่นด้วยพาวิลเลี่ยน เลาจน์ (Pavilion Lounge) เชื่อมต่อกันถึง 2 ชั้น มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานแบบเหนือระดับที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่บริษัท วีวี ดีซายน์ แลนสเคป อาร์คิเทค จำกัด ช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวให้กับโครงการได้อย่างร่มรื่น และหลบหลีกจากความวุ่นวายนอกโครงการ, ห้องออกกำลังกาย, พื้นที่สำหรับพักผ่อนบนสวนชั้นดาดฟ้า, ห้องสตีมชาย-หญิง, สระว่ายน้ำ (ยาวประมาณ 25 เมตร) พร้อมจากุซซี่ รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง