ครอบครัวเริ่มต้นจากที่นิยมซื้อบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 50 ตารางวา เป็นบ้านหลังแรก โดยทำเลจะเป็นพื้นที่ชานเมือง ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร เจอปัญหาการเดินทาง จากความเจริญที่มากขึ้น
ครอบครัวเริ่มต้นจากที่นิยมซื้อบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 50 ตารางวา เป็นบ้านหลังแรก โดยทำเลจะเป็นพื้นที่ชานเมือง ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร เจอปัญหาการเดินทาง จากความเจริญที่มากขึ้น
พื้นที่พัฒนาขยับห่างออกไปเรื่อยๆ เพราะในทำเลเดิมขายในราคาสูงขึ้น ปัญหาการเดินทางเข้าออกเมืองจึงรุนแรงมากขึ้น จากใช้เวลา 1 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำ 2 ชั่วโมง จากที่ตื่น 6 โมงเช้ามาทำงานทัน กลายเป็นต้องตื่นตี 4
ดังนั้นเพื่อให้การใช้ชีวิตสะดวกง่ายดายขึ้น คนกลุ่มนี้ จึงมองหาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดแนวรถไฟฟ้าทดแทน
เรื่อง Lifestyle รูปแบบการใช้ชีวิต ที่ต้องรักษาความสมดุลของชีวิต แบบ Smart Worker เน้นให้ความสำคัญกับงานและชีวิตส่วนตัวในจุดที่สมดุลกัน คือ ต้อง happy ทั้งสองด้าน คนกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มที่จะเลือกงานที่ใกล้บ้าน หรือเลือกบ้านที่ใกล้ที่ทำงาน ต้องสะดวกเดินทาง และใช้ชีวิตประจำวันได้ ชอบใช้ชีวิตผูกติดกับเมือง เชื่อมต่อโลกออนไลน์และเมืองได้แบบ 24 ชั่วโมง ทำให้คนกลุ่มนี้เลือกที่จะมีบ้านอยู่ติดเมือง อยู่ในทำเลดี ที่ connect กับเมืองได้สะดวกและรวดเร็วที่สุด
เรื่องที่สอง คือเรื่องของราคาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ที่สูงขึ้นมาก สำหรับคอนโดใกล้สถานีรถไฟฟ้าในเมือง
ล่าสุด ราคาขายคอนโดแนวรถไฟฟ้า ถ้าเป็นโซนสุขุมวิท ตั้งแต่ สยาม มาถึงทองหล่อ ปัจจุบันราคาขายต่อตารางเมตรไปถึง 300,000 บาทแล้ว ส่วนจาก เอกมัยมาถึง แบริ่ง ก็ไม่น้อยหน้ากันครับในเรื่องราคา ปัจจุบัน คอนโดใหม่ๆที่เปิดขาย ราคาต่อตารางเมตรก็แตะ 150,000 ห้องขนาด 1 ห้องนอน ราคาเกินกว่า 3 ล้านที่เป็นงบประมาณซึ่งคนรุ่นใหม่ Gen Y ครอบครัวเริ่มต้น สามากรถจะซื้อได้
การมีคอนโดแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะสายสีเขียว ทั้ง หมอชิต สะพานใหม่ คูคต และ แบริ่ง เคหะสุมทรปราการ ในปัจจุบันจึงเป็นทางเลือกเดียวสำหรับ ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในการเชื่อมต่อเข้าเมือง โดยระดับราคาขายของอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในงบประมาณที่เอื้อมถึง คือ อยู่ที่ 1.5-2.5 ล้าน
สำหรับห้องในคอนโด segment และทำเลนี้ กลุ่มผู้ซื้อจะถือเป็นบ้านหลังแรกในการอยู่อาศัย ใกล้เมือง แหล่งงาน และ แหล่ง lifestyle ต่างๆ โดยตัดสินใจเลยว่าจะเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยจริง ใกล้ทำเลบ้านเดิมของครอบครัว หรือซื้อไว้เพื่อลงทุน ปล่อยเช่า หรือขายทำกำไรในอนาคต ห้องที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาด studio 22-24 ตารางเมตร 1 ห้องนอน ขนาด 25-30 ตารางเมตร และ 1 ห้องนอนแบบพลัส หรือ 2 ห้องนอนเฉพาะห้องหัวมุม จะมีขนาดเพียง 35-50 ตารางเมตร
คอนโด segment นี้ ยังแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ ถ้าเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 500 เมตร ถึง 2 กิโลเมตร เข้าไปในซอย จะมีระดับราคาอยู่ที่ 1.5-2 ล้านบาท ส่วนถ้าเป็น คอนโด High Rise อยู่บนถนนใหญ่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ระยะไม่เกิน 500 เมตร จะมีระดับราคาอยู่ที่ 2-3 ล้านบาท
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งมาเพียง 8 ปีเท่านั้น แต่มีผลงานการพัฒนาโครงการถือว่าประสบความเสร็จอย่างมาก เพราะทุกโครงการที่บริษัทเปิดขายล้วนโดนใจกลุ่มเป้าหมาย จนสามารถปิดการขายได้ในเวลาอันรวดเร็ว
บริษัทฯ จะเน้นทำเลที่เกาะ ตามแนวรถไฟฟ้า และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน อยู่ท่ามกลางความเจริญ และสะดวกสบาย รอบด้าน ในส่วนของการออกแบบสินค้า บริษัทฯก็จะเน้นที่การจัดสรร พื้นที่ใช้สอยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด รวมถึงยังมีระบบการบริการหลังการขายอย่างครบวงจร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัท
ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น มีโครงการในทำเล แนวรถไฟฟ้ามากกว่า 38 โครงการภายใต้แบรนด์ Kensington, Notting Hill, KnightsBridge
โครงการในพื้นที่ ทำเล รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต สะพานใหม่ คูคต อยู่ 7 โครงการ คือ KnightsBridge Sky City สะพานใหม่, Notting Hill พหลโยธิน-เกษตร, Notting Hill สะพานใหม่, Notting Hill จตุจักร, Kensington พหลโยธิน-เกษตร, Kensington เกษตรแคมปัส และ Kensington พหล63
โครงการในพื้นที่ ทำเล แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแบริ่ง สุมทรปราการ 6 โครงการ คือ B-Loft สุขุมวิท115, KnightsBridge Sky River Ocean, Tropicana, The Cabana Pause สุขุมวิท115 และ Notting Hill แพรกษา
โครงการในพื้นที่ ทำเล แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่ บางซื่อ 2 โครงการคือ Notting Hill ติวานนท์ และ KnightsBridge Duplex ติวานนท์
อย่างไรก็ตามนอกจากพื้นที่หลักดังกล่าวแล้ว บริษัทฯยังมีโครงการในพื้นที่ศักยภาพสูงอื่นๆ อีกหลายแห่ง ทั้งศูนย์กลางเมืองอย่าง สาทร พื้นที่ ทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วง อ่อนนุช แบริ่ง และ พื้นที่ศักยภาพสูง ในทำเลนิคมอุสาหกรรมภาคตะวันออก อย่าง ศรีราชาและแหลมฉบัง
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ล่าสุด ดึง ณเดชน์ ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์ แบรนด์ของบริษัท ในแบรนดิ้งแคมเปญ My Life. My Origin เสริมภาพลักษณ์ Optimistic Creator และสื่อถึงกลุ่มเป้าหมายให้เติบโตในแบบของตนเอง มีการใช้ชีวิต หาที่อยู่อาศัย ในแบบเป็นตัวเอง ในถิ่นทำเลที่ตนเองคุ้นเคย
เหตุผลหลักที่บริษัทเลือกใช้ ณเดชน์ ในการสะท้อนภาพลักษณ์ และจุดยืนใหม่ของบริษัทนั้น ก็ด้วย ภาพลักษณ์ ที่ ณเดชน์ คือคนธรรมดาที่มีสไตล์ จึงเป็นตัวแทนที่ดีของคนทั่วไปที่มี ทั้งมุมเนี้ยบดูดี มุมเท่ๆ และมุมสบายๆ ไม่ต้องแต่งตัวหรูหรา
ณเดชน์ จึงมีบุคคลิภาพครบในการเป็นตัวแทนสะท้อนภาพ ตั้งแต่คอนโดมิเนียมแบรนด์เท่แบบเรียบหรูอย่าง knightsbridge หรือ จะสะท้อนภาพลักษณ์ความทันสมัย โฉบเฉี่ยว โมเดิร์น อย่าง Notting Hill หรือจะเป็น บุคคลิก เท่ๆ เรียบง่ายแต่ดูดีแบบ Kensington
นอกจากนั้น ยังสามารถ สะท้อนภาพของคนสร้างฐานะ คนตั้งใจทำงาน เพื่อได้ผลงานที่ดีที่สุด เหมือนจุดยืนหลักของบริษัท ในการที่จะทำงานพัฒนาโครงการ เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ในวิถีทางแบบ ออริจิ้น คือ อ่อนน้อมถ่อมตน ตามค่านิยมหลักของบริษัท Origin Culture
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จของบริษัทไว้อย่างน่าสนใจ
เราค้นพบว่า สาเหตุที่ยอดขายตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของเราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเราสามารถเข้าถึงตลาดผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในแต่ละทำเล ยอดขายหลายๆ โครงการของเราเป็นผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในทำเลนั้นกว่า 70% สะท้อนว่าความสุขของลูกค้าของเรา คือการได้มีที่อยู่อาศัยในทำเลที่เขาคุ้นเคย ติดรถไฟฟ้า และนี่จึงเป็นที่มาของแบรนดิ้งแคมเปญ My Life. My Origin เราอยากให้ทุกคนใช้ชีวิตในฝันแบบที่เป็นคุณ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น ยังให้แนวคิดขยายความสุขของกลุ่มลูกค้าโครงการอีกว่า
คอนโดมิเนียมมักถูกกล่าวถึงในฐานะบ้านหลังที่ 2 ผู้คนมักคิดว่าบ้านหลังที่ 2 ต้องอยู่ในเมือง เพื่อให้ใกล้ที่ทำงานที่สุด แต่เพราะโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมอย่างรถไฟฟ้าสามารถกระจายเข้าถึงผู้คนในทุกพื้นที่
ตลาดคอนโดมิเนียมจะกลายเป็นบ้านหลังแรกของคนรุ่นใหม่ที่เกิดจากครอบครัวขยายหรือต้องการอยู่ในแนวรถไฟฟ้าใกล้แหล่งงาน คือพอมีครอบครัวเพิ่มเติม ก็ขยายไปอยู่ในคอนโดมิเนียมทำเลใกล้เคียงเดิม เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ในย่านที่คุ้นเคย ไปหาญาติพี่น้องได้สะดวก
ดังนั้นการเป็นแบรนด์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในฝันในแบบที่เป็นตัวเอง ไม่ต้องตามใคร จึงน่าจะเป็นแบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตมากที่สุด
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มุ่งหน้าพัฒนาคอนโดมิเนียมเจาะตลาดพรีเมียมแมส อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายของบริษัทคือต้องการเป็นแชมป์การพัฒนาคอนโดมิเนียม ในระดับราคา 1.5 -3 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ 2017 บริษัทวางแผนเติบโต 33% มียอดขาย 15,000 ล้านบาท จาก 3 แบรนด์หลักของโครงการ คือ KnightsBridge, Notting Hill, Kensington และ 1 โครงการบ้าน โดยมุ่งจับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยแบบคอนโดและบ้านแนวรถไฟฟ้า ในระดับราคา ตั้งแต่ 1-3 ล้านบาท เป็นหลัก
ปัจจุบันบริษัทฯ
รวมเป็นโครงการทั้งสิ้น 43 โครงการ จำนวน 16,823 ยูนิต 41,658 ล้านบาท
นอกจากสินค้าที่เป็นคอนโดเมืองอย่างที่กล่าวมาแล้ว ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ยังมีธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
แค่ระบุสิ่งที่ต้องการ ที่เหลือเป็นหน้าที่เรา
-
เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถแนะนำคุณได้สามารถเพิ่มช่องทางติดต่อได้เลย