รวยง่ายๆ ด้วยเทคนิคหยอดเงินใส่ประปุก

รวยง่ายๆ ด้วยเทคนิคหยอดเงินใส่ประปุก

การนำสิ่งดีๆ ที่ทำกันในอดีตแล้วนำกลับมาประยุกต์ใช้ใหม่กันอีกครั้งในรูปแบบที่ทันสมัยกว่า สามารถจับต้องได้จริง หรือที่เรียกกันว่า “Back to the Basic” นั้นกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่นิยมทำกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ในโลกการเงินก็เช่นเดียวกัน หลักคิดหนึ่งที่ถูกปัดฝุ่นนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งนั่นก็คือ “การหยอดเงินใส่กระปุก”
และสิ่งที่กำลังจะพูดถึงนี้หมายถึงวิธีบริหารเงินที่กำลังโด่งดังอยู่ในปัจจุบัน นั่นก็คือการบริหารเงินแบบ “JARS System” ซึ่งนำเสนอโดย นาย T. Harv Eker นักบริหารการเงินและลงทุน ในหนังสือชื่อ “Secrets of the Millionaire Mind” โดยเขาแนะนำว่าคนจะรวยหรือมั่งคั่งขึ้นมาได้ ก่อนอื่นต้องสร้างวินัยเรื่องการจับจ่ายใช้สอยขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยอาศัยเทคนิคการหยอดเงินใส่ในกระปุก อันเป็นวิธีการที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก 
วิธีปฏิบัติภายใต้แนวคิดนี้ก็คือ ทุกครั้งที่มีรายได้เข้ามาให้แบ่งรายรับนั้นออกเป็นส่วนๆ เอามาหยอดใส่ในประปุก 6 ใบ เพื่อแยกใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน และห้ามใช้จ่ายปนกันอย่างเด็ดขาด กระปุกทั้ง 6 ใบประกอบด้วย
กระปุกใบแรก เป็นเงินไว้สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (Necessity Account) โดยเงินส่วนนี้จะถูกใช้เฉพาะสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นในแต่ละวัน อาทิ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ค่าทางด่วน และจ่ายหนี้สินต่างๆ แนะนำให้หยอดกระปุกใบนี้ในสัดส่วน 55% ของรายได้ทั้งหมด
กระปุกใบที่สอง เป็นเงินสำหรับจับจ่ายใช้สอยตามใจตัวเอง (Play Account) ต่างจากกระปุกใบแรกตรงที่เป็นเงินซึ่งเอามาเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อสนองความอยาก หรือให้รางวัลกับตัวเอง โดยให้กันเงินใส่ไว้ในกระปุกใบนี้ในสัดส่วน 10%
ระปุกใบที่สาม เป็นเงินเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ (Financial Freedom Account) ซึ่งจะเป็นเงินส่วนที่นำไปสร้างให้เกิดรายได้ในลักษณะเงินต่อเงิน ผ่านช่องทางลงทุนต่างๆ ตามที่ตัวเองถนัด อาจเป็นหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ก็ได้ สัดส่วนการหยอดกระปุกใบนี้ที่เหมาะสุดก็คือ 10%
กระปุกใบที่สี่ เป็นเงินเพื่อการศึกษา (Education Account) ปัจจุบันการศึกษาได้กลายมาเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง เพราะคนเราจะไม่สามารถหาเงินหรือพัฒนาต่อไปได้เลยหากปราศจากการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อาจเป็นการอ่านหนังสือ เข้าอมรม และร่วมสัมมนาต่างๆ นอกจากนี้ Eker ได้แนะนำให้เลือกศึกษาหาความรู้เฉพาะเรื่องที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยให้หยอดเงินส่วนนี้ไว้ที่ 10% ของรายได้ทั้งหมด
กระปุกใบที่ 5 เป็นเงินสำหรับเก็บออมในระยะยาว (Long-term Saving for Spending Account) หรือสะสมไว้เพื่อรายจ่ายในอนาคตยาวๆ ตัวอย่างเงินค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็เช่นเบี้ยประกันชีวิต ค่าประกันอุบัติเหตุรถยนต์ รวมถึงเงินดาวน์ผ่อนซื้อบ้านหรือคอนโดฯ เป็นต้น เงินส่วนนี้ควรกันไว้ที่ระดับ 10% ของรายได้ทั้งหมด
กระปุกใบสุดท้าย เป็นเงินสำหรับทำบุญและบริจาค (Give Account) การเป็นผู้ให้คือความสุขประเภทหนึ่งที่คนเราสามารถทำได้ โดยหลักคิดของการให้ที่ดีควรเริ่มต้นจากคนใกล้ชิดก่อน แล้วจึงค่อยให้กับคนในวงที่ห่างออกไป ตัวอย่างการใช้จ่ายในส่วนนี้ก็เช่นพาพ่อแม่ไปกินข้าวหรือเที่ยว บริจาคให้กับโรงพยาบาล หรือบริจาคให้กับคนด้อยโอกาสต่างๆ แนะนำให้กันเงินไว้ใช้จ่ายส่วนนี้ที่ 5% ของรายได้ทั้งหมด
เรื่องวินัยการออมนั้นไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็สามารถนำมาใช้ได้เสมอ การหยอดเงินใส่กระปุกหมูนั้นเป็นสิ่งที่เราคุ้ยเคยเเละทำกันมาตั้งเเต่เด็กๆ เเต่เเค่เรามองข้ามไป ตอนนี้ลองกลับมาทำอีกครั้งก็ยังไม่สาย เเค่รู้จักเก็บและเเบ่งให้ถูกกระปุกก็ทำให้เรารวยได้แบบไม่รู้ตัวเเล้ว


ติดตามข่าวสารอสังหาฯและข่าวดังในกระแส www.home.co.th/news

ติดตามข้อมูลโครงการและความเคลื่อนไหวด้านอสังหาฯ www.home.co.th และ www.facebook.com/Homebuyersfanpage

หรือชมวิดีโออื่นๆ คลิกที่นี่  www.home.co.th/vdo  , www.youtube.com/tvhomebuyer

ให้เราช่วยค้นหามั้ย ?

ขั้นตอนที่ 1 จาก 2

เลือกประเภทและความต้องการของคุณ
ความต้องการ *
สถานะทรัพย์
ที่ตั้ง *
ประเภทอสังหาฯ *
ช่วงราคา (บาท) *

-

ให้เราช่วยค้นหามั้ย ?

ขั้นตอนที่ 1 จาก 2

เลือกประเภทและความต้องการของคุณ
ความต้องการ *
สถานะทรัพย์
ที่ตั้ง *
ประเภทอสังหาฯ *
ช่วงราคา (บาท) *

-

บทความแนะนำ

บทความที่เกี่ยวข้อง