วันนี้ Home.co.th x Britania Saimai จะพาทุกคนไป “ลัดเลาะย่านสายไหม” กับทำเลที่ขึ้นชื่อว่ามีที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าต้องเพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย ทั้งเส้นทางคมนาคม สาธารณูปโภคที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ รวมถึงสถานที่สำคัญอย่างโรงเรียน, โรงพยาบาล และสถานที่สำคัญทางราชการมากมาย
ทำเลย่านสายไหมจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามเข้ามาหาคำตอบพร้อมกันได้เลย…
อยู่สายไหมก็ชิคได้ กับ 2 คาเฟ่+1 ร้านอาหาร
ก่อนที่เราจะพาไปจิบกาแฟพร้อมถ่ายรูปชิคๆ ที่ 2 คาเฟ่ขึ้นชื่อในย่านสายไหม เราขอ +1 ที่ร้านอาหารกันก่อน กับ Top List ร้านอาหารที่อร่อยที่สุดในย่านสายไหมอย่าง “Maruichi” ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นฟิวชั่น ที่ผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ญี่ปุ่นกับความเป็นไทยเข้าไว้ด้วยกัน โดย Location ร้านตั้งอยู่ภายในตลาดเอ.ซี. สายไหม ซึ่งเป็นตลาดขึ้นชื่อในย่านสายไหมที่ภายในครบครันไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย
ซึ่งร้าน Maruichi เองเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เน้นการตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ Japan Loft โดยเลือกใช้วัสดุปูนเปลือยปูพื้น และเน้นเปิดพื้นที่ด้วยผนังกระจกใสโดยรอบบริเวณ จึงทำให้ภายในโปร่งโล่ง รวมถึงทำให้ผู้ที่เข้ามาในร้านนอกจากรับประทานอาหารแล้วยังสามารถชมบรรยากาศภายนอกได้อีกด้วย
สำหรับเมนูแนะนำที่มาแล้วไม่สั่งถือว่าพลาดและคุณจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง นั้นก็คือต้มยำหมอไฟที่รสชาติจัดจ้านที่สุดในย่านสายไหมเลยก็ว่าได้ และนอกจากนั้นยังมีไข่หวานและหมูชุบแป้งทอดสูตรพิเศษที่รับรองว่าเด็ดไม่เหมือนใครแน่นอน
เมื่อเรารับประอาหารหนักกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต้องตามด้วยของหวาน กับคาเฟ่ขึ้นชื่อย่านสายไหมอย่าง “Blue Belmont Gelato” เป็นร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากตลาดเอ.ซี. สายไหมเพียง 1.8 กิโลเมตรเท่านั้น และที่สำคัญตัวร้านยังตั้งอยู่เยื้องกับซอยสายไหม 39 ที่โดยรอบจัดได้ว่าเป็นแหล่งของร้านอาหารและช้อปปิ้งมอลล์ขนาดเล็ก รวมถึงมีร้านสะดวกซื้อให้เห็นตลอดสองข้างทาง
ภายในร้านตกแต่งในสไตล์ Industrial Loft โดยเลือกใช้อิฐ ไม้ และปูนเปลือยเป็นหลัก จึงทำให้บรรยากาศภายในดูเข้าถึงง่าย บวกกับการเลือกจัดพื้นที่ภายในโดยแบ่งเป็นมุม Private ยิ่งทำให้สร้างความเป็นส่วนตัว ซึ่งสามารถมาคนเดียว มาแบบคู่รัก หรือมากับกลุ่มเพื่อนก็ได้
เมนูขึ้นชื่อของ Blue Belmont Gelato คงหนีไม่พ้นโกโก้เย็นรสชาติกลมกล่อม และถ้าสั่งคู่กับไอศกรีมใส่วิปครีมด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อยได้อย่างพอดิบพอดี นอกเหนือจากนั้นยังมีเมนูรองท้องอย่างขนมปังปิ้งและแซนด์วิช เป็นต้น
“Nap’s Garden” เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ขึ้นชื่อที่ได้รับความนิยม และติดอยู่ในลิสต์คาเฟ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากอาหารอร่อยแล้วทางร้านยังมีจุดเด่นอยู่ที่การปลูกพืชผักสวนครัวแบบออร์แกนิกไว้บริเวณหลังร้าน และจะนำพืชผักสวนครัวเหล่านั้นมาประกอบอาหารให้ลูกค้ารับประทาน
การตกแต่งร้าน Nap’s Garden เน้นบรรยากาศกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ซึ่งวัสดุหลักจะเลือกใช้ไม้บวกกับใช้กระจกใสบางส่วนเพื่อความปลอดโปร่ง และทำให้ได้รับแสงจากภายนอกเข้ามา นอกจากนั้นแล้วยังเลือกใช้โคมไฟหลายแบบหลายขนาดเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวร้าน
ถ้ามาถึงร้านแล้วไม่สั่งชานมเย็นคงเรียกไม่ได้ว่ามาถึง Nap’s Garden เพราะชานมของที่นี่มีความพิเศษอยู่ที่ความเข้มข้นของใบชาผสมกับนมข้นหวาน และอย่าลืมสั่งแซนด์วิชมารับประทานต่อด้วย เพราะแซนด์วิชที่นี่ชิ้นใหญ่แต่ราคาเป็นกันเองสุดๆ
แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญมากมาย
หลังจากเราพาไปอิ่มท้องที่ร้านอาหารและถ่ายรูปเล่นชิคๆ ที่ร้านกาแฟกันแล้ว คราวนี้เราจะพามาดูสถานที่สำคัญมากมายที่รายล้อมอยู่ในย่านสายไหมกันบ้าง เพราะบนทำเลสายไหมเองจัดว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคครบครันที่พร้อมรองรับการใช้ชีวิตได้ทุกรูปแบบ
เอซี พลาซ่า (AC PLAZA)
ความจริงแล้ว “เอซี พลาซ่า” เป็นส่วนที่ต่อขยายมาจากตลาดเอ.ซี. สายไหม หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นตลาดนัดติดแอร์ก็ว่าได้ ซึ่งภายในจะมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย เช่น McDonald's, Starbucks และอื่นๆ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตในย่านสายไหม ทั้งทางด้านจำนวนประชากร เศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คนย่านสายไหมในปัจจุบัน
ตลาดนัดกึ่งกลางแจ้งเป็นอีกภาพจำหนึ่งในย่านสายไหม ทั้ง ‘ตลาดเอ.ซี. สายไหม’ ที่ตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน และ ‘ตลาดวงศกร’ ที่ตั้งอยู่บนถนนสายไหม-หทัยราษฎร์ นอกจากนั้นตลอดระยะการเดินทางบนถนนสายไหมยังแวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อมากมาย
The Grove Lifestyle Neighborhood
อีกหนึ่งไฮไลต์ใหม่บนถนนสายไหมคือ Community Mall แห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในย่านสายไหม-หทัยราษฎร์ อย่าง “The Grove Lifestyle Neighborhood” ซึ่งจะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกับเอซี พลาซ่า (AC PLAZA) ในแง่ที่มีร้านค้าและร้านขายอาหารอยู่ภายใน แต่จะมีความแตกต่างอยู่บางส่วนในเรื่องของการจัดสรรพื้นที่ โดยใช้ธรรมชาติเข้ามาออกแบบให้กลายเป็นพื้นที่กึ่งกลางแจ้งที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลายรูปแบบ
สนามบินดอนเมือง
อย่างที่ทราบกันดีว่าบนถนนสายไหมสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งถนนเส้นหลักอย่างถนนพหลโยธินและตัดไปยังถนนวิภาวดีฯ ซึ่ง Landmark สำคัญบนถนนวิภาวดีฯ คือ “สนามบินดอนเมือง” ซึ่งเป็นสนามบินที่รองรับไฟลต์บินเข้าออกมากที่สุด ซึ่งนั้นหมายความว่าการเดินทางจากถนนสายไหมมายังสนามบินดอนเมืองใช้เวลาเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากนั้นแล้วบนถนนสายไหมยังแวดล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญหลายประเภท ทั้งสถานที่ทางราชการ โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ
- โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม
- กองทัพอากาศ
- โรงเรียนจ่าอากาศ
- โรงพยาบาลสายไหม
- โรงพยาบาลสินแพทย์
- โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
- โรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์
- สนามฟุตบอลสายไหม
- สนามแบตมินตันสายไหม
- สวนสาธารณะกองทัพอากาศ
เดินทางสะดวก ได้ทั้งถนนสายหลัก-สายรอง และรถไฟฟ้า
ซอยพหลโยธิน 54/1
การเดินทางไปยังถนนสายไหมสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งบนถนนสายหลักและสายรอง หากใช้ถนนสายหลักพหลโยธินสามารถใช้ซอยพหลโยธิน 54/1 ซึ่งเป็นถนนสายรองเพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนสายไหม ถนนเพิ่มสิน และลัดเข้าซอยรัตนโกสินทร์สมโภช (พหลโยธิน 50) ได้อีกด้วย และในปัจจุบันกำลังมีการสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
แยก คปอ.
บริเวณแยก คปอ. ถือเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างถนน 3 เส้นทางหลักที่เชื่อมต่อกัน ได้แก่ ถนนพหลโยธิน, ถนนสายไหม และถนนวิภาวดีฯ หากใช้ถนนพหลโยธินสามารถเลี้ยวซ้ายตัดเข้าถนนสายไหมได้เลย หรือในกรณีที่ใช้เส้นทางมาจากถนนวิภาวดีฯ ก็สามารถวิ่งตรงเข้าสู่ถนนสายไหมได้เช่นกัน
คูคต-ลำลูกกา
อีกหนึ่งเส้นทางหลักที่สามารถเดินทางมายังถนนสายไหมได้สะดวกคงหนีไม่พ้นถนนลำลูกกา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับถนนได้หลายเส้นทาง รวมถึงการลัดเลาะเข้าตรอกซอกซอยเพื่อเข้ามายังถนนสายไหม โดยเข้าจากซอยสายไหม 39, สายไหม 37 และสายไหม 44 ซึ่งเป็นซอยที่มีขนาดกว้าง และนอกจากนั้นแล้วยังลัดเข้าซอยสายไหม 33 รวมถึงซอยสายไหมอื่นๆ ได้
โครงการ “Britania Saimai” ตั้งอยู่บนถนนสายไหม ที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางบนถนนสายหลักและสายรองทั้งถนนพหลโยธินและถนนลำลูกกา อีกทั้งยังเดินทางสะดวกมากขึ้นด้วยรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้ม (สะพานใหม่-คูคต) ที่ตัดผ่านซอยพหลโยธิน 54/1 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถลัดเลาะเข้ามายังโครงการได้
และนอกจากนั้นเองบริเวณโดยรอบโครงการยังถูกแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคมากมาย เช่น ตลาดสด, คอมมูนิตี้มอลล์, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, สถานที่ออกกำลังกาย, สนามบิน, สถานศึกษา, โรงพยาบาล, สถานที่สำคัญทางราชการ ฯลฯ
วิธีการเดินทางมาที่โครงการ Britania Saimai สามารถใช้ได้หลายเส้นทางด้วยกัน แต่เส้นทางที่สะดวกและถึงเร็วที่สุด ได้แก่ ถนนสายหลักพหลโยธินตัดเข้าซอยพหลโยธิน 54/1 โดยให้สังเกตป้ายลูกศรบอกทางสายไหมด้านบน
หลังจากนั้นตรงเข้ามาตามป้ายลูกศรบอกทางสายไหม ซึ่งถนนทางเข้าแบ่งออกได้ 4 เลนด้วยกัน ทำให้ระบายการจราจรได้ดีในช่วงเร่งด่วน
เดินทางเข้ามาอีกไม่กี่กิโลเมตรจะพบกับโครงการบริทาเนีย สายไหม (Britania Saimai) หากนับระยะทางจากปากซอยพหลโยธิน 54/1 จนมาถึงตัวโครงการ ระยะรวมทั้งหมดอยู่ที่ 2.5 กิโลเมตร เฉลี่ยเวลาการเดินทางประมาณ 5-10 นาที
Types of House
ทาวน์โฮม MOLTON
- พื้นที่ใช้สอย 108 ตร.ม.
- 3 ห้องนอน
- 3 ห้องน้ำ
- 1 ห้องนั่งเล่น
- 1 ห้องครัว
- 2 จอดรถ
ทาวน์โฮม BERWICK
- พื้นที่ใช้สอย 108 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน
- 3 ห้องน้ำ
- 1 ห้องนั่งเล่น
- 1 ห้องครัว
บ้านแฝด CAMPDEN
- พื้นที่ใช้สอย 150 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน
- 3 ห้องน้ำ
- 1 ห้องนั่งเล่น
- 1 ห้องครัว
- 2 จอดรถ
บ้านแฝด COMPTON
- พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน
- 3 ห้องน้ำ
- 1 ห้องนั่งเล่น
- 1 ห้องอเนกประสงค์
- 1 ห้องครัว
- 2 จอดรถ
บ้านเดี่ยว MARYLEBONE
- พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน
- 4 ห้องน้ำ
- 1 ห้องนั่งเล่น
- 1 มุมทำงาน
- 1 มุมครอบครัว
- 1 ห้องครัว
- 2 จอดรถ
Facilities
ส่วนกลางของโครงการ Britania Saimai
- คลับเฮ้าส์
- สระว่ายน้ำ
- Fitness
- Steam Room
- Coworking Space
- Co-meeting Room
- Kids Room
- สวนสาธารณะ
- สนามเด็กเล่น
- กล้องวงจรปิด
- ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
**PRESALES 28-29 มี.ค. ที่จะพาคุณไปพบกับทาวน์โฮมนวัตกรรมแห่งปี สไตล์ Modern British 4 ห้องนอน ใกล้ทางด่วน-รถไฟฟ้า-สนามบินดอนเมือง
ในราคาเริ่มต้นที่ 3.29* ล้านบาท