ศูนย์รวม Lifestyle ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้อย่างแท้จริง มีครบทั้งแหล่งงาน, ที่พักอาศัย,, โรงแรม, ร้านค้า, ร้านอาหาร, ย่านช้อปปิ้งโดยเฉพาะคอมมูนิตี้มอลล์ระดับไฮแอนด์ และสถานที่แฮงค์เอ้าท์ต่างๆมากมาย ที่สำคัญยังมีความสะดวกสบายในด้านการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายถนน,ทางด่วน และรถไฟฟ้า(สถานีทองหล่อ) ทำให้เชื่อมต่อกับพื้นที่ย่านใจกลางเมืองอื่นได้อย่างไรขีดจำกัด
ทองหล่อ หรือซอยสุขุมวิท 55 นับว่ามีความสะดวกสบายในด้านการเดินทางอย่างมาก ไม่ว่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัวก็มีเส้นทางลัดเชื่อมต่อกับถนนหลักอื่นๆได้หลายเส้นทาง เช่น ถนนสุขุมวิท,ถนนเอกมัย, ถนนเพชรบุรี, ถนนอโศกมนตรี, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนพระราม 9 ,ถนนพระราม 4, ถนนสาทร, ถนนสีลม และเชื่อมต่อกับทางด่วนเฉลิมมหานคร(ทางด่วนขั้นที่ 1) ต่อเนื่องไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น ดินแดง, บางนา, ท่าเรือ, ดาวคะนอง รวมทั้งเชื่อมต่อกับทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ได้เช่นกัน
หรือหากต้องการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ก็มีทั้งรถประจำทาง, วินมอเตอร์ไซค์, แต่ที่สะดวกสุดๆ คือ รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท สถานีทองหล่อ ซึ่งรถไฟฟ้าสายนี้ยังเป็นเส้นทางที่เชื่อมตั้งแต่ย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี กับพื้นที่ตอนบนของกรุงเทพฯ (พหลโยธิน, ลาดพร้าว, จตุจักร) ผ่านย่านใจกลางเมืองสำคัญๆ เช่น สยาม, ชิดลม,เพลินจิต, อโศก ไปจนถึงย่านบางนา,แบริ่ง, สำโรง และจังหวัดสมุทปราการ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน
ขณะเดียวกันยังเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นได้ อาทิ รถไฟฟ้า BTS สายสีลม (สยาม-บางหว้า) ได้ที่สถานีสยาม, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง) ที่สถานีอโศก, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีมักกะสัน (จาก BTS ทองหล่อ มาใช้รถไฟฟ้า MRT ที่สถานีอโศก ลงที่สถานีเพชรบุรี เพื่อเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีมักกะสัน) และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง(เตาปูน-บางใหญ่) ที่สถานีเตาปูน
ในอนาคตอันใกล้ยังมีโครงข่ายรถไฟฟ้าที่จะเปิดให้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ โดยปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 1 สถานี จากบางซื่อ-เตาปูน ส่วนที่เหลือมีกำหนดเปิดให้บริการปี 2563 และช่วงหัวลำโพง-บางแค (เปิดให้บริการตลอดสายแล้ว) หรือส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า BTS ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (ซึ่งจะทะยอยเปิดสถานีให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายปี2562-2563 และครบตลอดสายในปี 2564) แถมรถไฟฟ้าสายนี้ยังเชื่อมต่อกับสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ทั้งที่สถานีรัชโยธินและสถานีสำโรง และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่สถานีวัดพระศรีฯ ตลอดจนรถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการปี 2566
ทองหล่อ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสีสันสำหรับการใช้ชีวิตแบบ High-end Urban Living Lifestyle เนื่องจากมีความพร้อมสรรพทั้งห้างสรรพสนิค้า,คอมมูนิตี้มอลล์, สปา, ฟิตเนส, พื้นที่ co-working space, ร้านค้า, ร้านเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้าน Art Gallery, ร้านอาหาร-เครื่องดื่มหลากหลายสไตล์ ตลอดจนที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมระดับ Hi-end และ Luxury ที่กระจายตัวอยู่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าและตามซอยต่างๆ จึงเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ ที่มองหาแหล่งพักอาศัยย่านใจกลางเมือง ซึ่งรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน
เริ่มจากแหล่งช้อป,กิน,เที่ยวยอดนิยม เช่น J Avenue ทองหล่อ แหล่งรวมร้านค้า, ร้านอาหารนานาชาติ(เกาหลี,ญี่ปุ่น) หรือ เอท ทองหล่อ (Eight Thonglor) ไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่มีร้านค้า, ร้านอาหารชั้นนำไม่ว่าจะเป็นอาหารสไตล์ญี่ปุ่น อินเดีย ฝรั่งเศส สเปน รวมทั้งยังซุปเปอร์มาร์เกตเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงอีกด้วย
ส่วนใครที่เป็นสาวกญี่ปุ่น ก็มีร้าน“ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ” ตั้งอยู่บริเวณทองหล่อซอย 10 ศูนย์รวมสินค้าจากญี่ปุ่นที่มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย เช่น สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน, อาหารสด, อาหารแปรรูป, ขนม, เครื่องสำอางค์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าแฟชั่น, อุปกรณ์กีฬา และยังมีสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ สามารถรองรับการจัดกิจกรรม-งานอีเวนต์ต่างๆได้ด้วย พร้อมเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ตามแนวรถไฟฟ้า BTS ซึ่งสามารถไปใช้บริการได้อย่างสะดวก ตลอดจนสถานศึกษา สถานพยาบาล และสถานที่สำคัญต่างๆ มากมาย
ด้วยศักยภาพของทำเลดังกล่าว ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบสถานีทองหล่อของรถไฟฟ้า BTS และช่วงต้นๆซอยทองหล่อ(ซอยสุขุมวิท 55) กลายเป็นทำเลได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ต้องการที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาที่ดินในพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อมีการปรับเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านจากราคา 1 ล้านบาทต่อตารางวา ปัจจุบันราคาขายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา ส่วนที่ดินในซอยทองหล่อหากขึ้นตึกสูงได้ราคาขายไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทต่อตาราวา แต่ถ้าขึ้นตึกสูงไม่ได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 500,000-800,000 บาทต่อตารางวา
ขณะที่ราคาขายคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะรอบๆสถานีรถไฟฟ้าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีราคาเปิดขายเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนโครงการที่อยู่ภายในซอยย่อยต่างๆราคาขายเริ่มต้นก็สูงกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร หรือบางโครงการอาจขยับราคาขายไปอยู่ที่ 260,000 บาทต่อตารางเมตรแล้ว
ข้อมูลจากบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า จากการสำรวจคอนโดมิเนียมในทำเลทองหล่อตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน (ณ พฤศจิกายน 2561 ) จำนวน 50 โครงการ 11,386 ยูนิต เมื่อเปรียบเทียบราคาขายเฉลี่ยช่วงเปิดตัวโครงการกับราคาขายเฉลี่ยสุดท้ายของโครงการ จะพบว่าราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรเพิ่มขึ้นประมาณ 12% แต่หากเปรียบเทียบราคาขายเฉลี่ยช่วงเปิดตัวโครงการกับราคาขายเฉลี่ยรีเซล (Resell) พบว่าราคาขายนั้นเพิ่มขึ้นถึง 32% ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในปี 2562 จะมีคอนโดมิเนียมโครงการใหม่เปิดตัวไม่น้อยกว่า 5-7 โครงการ โดยหนึ่งในนั้นมีโครงการThe Bangkok ทองหล่อ คอนโดที่ Hi-End ที่สุดจากแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำอยู่ด้วย
The Bangkok ทองหล่อ ตั้งอยู่ริมถนนทองหล่อ ติดกับซอยทองหล่อ 1 ซึ่งลักษณะทางกายภาพของถนนสายนี้ บริเวณช่วงต้นถนนดูมีความร่มรื่นและเงียบสงบมากกว่าช่วงบริเวณกลางๆซอย ที่คึกคักไปด้วยออฟฟิศ,คอมมูนิตี้มอลล์,ร้านค้าและร้านอาหารต่างๆมากมาย จึงนับว่าเป็น Best Residential Area และยังใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อ เพียงประมาณ 350 เมตรเท่านั้น ก็ถือว่าเลือกทำเล Premium Location ให้ตอบรับกับ concept : Best in Life อย่างแท้จริง
บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมพักอาศัยสูง 31 ชั้น 1 อาคาร มีห้องชุดพักอาศัยเพียง 148 ยูนิตเท่านั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง การออกแบบโครงการได้แรงบันดาลใจมาจาก Precious Gems และ Nature Crystals โดยเปรียบเสมือนทองหล่อเป็นถนนสายทองคำ ที่มีความรุ่งเรืองและได้รับความนิยมต่อเนื่อง และยังเป็น Timeless Design ที่มีแต่มูลค่าเพิ่ม โครงการนี้จึงเป็น Crown Jewel บนทำเลดังกล่าว
นอกจากนี้อาคารยังออกแบบให้เป็นกระจกทั้งอาคาร ที่จะไม่เห็น Frame ของกระจกจากภายนอก ส่วน Facade จะเห็นความเป็นเส้นตรงของอาคารเหมือนเหลี่ยมการ Cut ของแท่ง Crystals พร้อมกับเพิ่มความพิเศษด้วยลายหินอ่อนและทองแดง เพื่อเสริมให้งานดีไซน์มีความทันสมัย
การจัดวางตัวอาคารเพื่อให้ได้ลมและแสงแดดจากธรรมชาติ ผ่าน Corridor (โถงทางเดิน) ทุกชั้น ดังนั้นอากาศจึงสามารถถ่ายเทได้สะดวก ที่สำคัญยังได้นำนวัตกรรมเฉพาะจาก LH คือ “Corridor Air Flow” เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นให้ลมไหลเวียนเข้าสู่โถงทางเดินได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย
ขณะเดียวกันโครงการยังจัดให้มี Facility โดยเฉพาะบริเวณ 3 ชั้นบนสุด เหมือนเป็น Penthouse ของลูกบ้านทุกคน ไม่ว่าจะเป็น Lobby ที่ออกแบบให้เป็นห้องรับรองของลูกบ้าน, Green Quarter ที่ให้ความสงบและเป็นส่วนตัวที่สุด, Sky Terrace, Sky Reading Lounge, Sky Fitness , Sky Japanese onsen ออนเซนทั้งชั้น โดยแยกหญิง-ชาย สำหรับการแช่บ่อน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น, 360 Sky Swimming Pool สระว่ายน้ำชั้นบนสุดทั้งชั้น มองเห็นวิว 360 องศา เสมือนการว่ายน้ำรอบเกาะ และAutomatic Parking ระบบจอดรถอัตโนมัติที่ให้มากกว่า 100% เพิ่มความสะดวกไม่ต้องวนหาที่จอดรถ
การออกแบบห้องชุดพักอาศัย จะเน้นการจัดวาง layout ที่คำนึงถึงการใช้สอยอย่างต่อเนื่องของแต่ละพื้นที่ โดยมี Space ที่โปร่งโล่งแบบห้องหน้ากว้าง พร้อมเพดานสูงเกือบ 3 เมตร และทุกยูนิตจะเป็นระเบียงแบบ Double skin เพิ่มพื้นที่การใช้สอยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ปรับเปลี่ยนให้ห้องเป็นแบบเอนกประสงค์ได้แบบ semi- outdoor ด้านวัสดุที่เลือกใช้เป็น Finest Material ซึ่งมีทั้งความปราณีตของงานออกแบบและวัสดุ
ภายในโครงการมีห้องชุดให้เลือก 2 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 55-63 ตารางเมตรและ 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 82-95 ตารางเมตร โดยปัจจุบันเหลือขายเฉพาะแบบ 2 ห้องนอนเท่านั้น ในราคาเริ่มต้นที่ 27.5 ล้านบาท
สำหรับห้องชุดตัวอย่างมีให้เยี่ยมชม 2 แบบอยู่ที่บริเวณชั้น 16 คือ แบบห้องมุม ซึ่งจะโดดเด่นด้วย Living แบบหน้ากว้างและแบบห้องกลาง ที่จะได้ห้องนอนใหญ่ทั้งสองห้อง รวมทั้งพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน
แบบห้องกลาง ขนาดพื้นที่ใช้สอย 85 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ภายใต้คอนเซ็ปต์การออกแบบและตกแต่ง เน้นความเป็นผู้หญิงทำงานเก่ง ชื่นชอบงานศิลปะ ดูดีมีสไตล์เริ่มตั้งแต่โซน living room, ห้องครัวแบบปิดมีประตูกระจกกั้น โดยให้ทุกอย่างครบตามภาพ ยกเว้นตู้เย็นและของประดับตกแต่งเท่านั้น ต่อเนื่องไปยังพื้นที่ระเบียง
ห้องนอนใหญ่กว้างขวาง พร้อมห้องน้ำในตัว หน้าต่างกระจกทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน เปิดรับแสงสว่างจากภายนอก ส่วนห้องนอน 2 ตกแต่งเป็นมุมทำงานศิลปะ ใช้โซฟาเบดเพื่อการพักผ่อนได้ด้วย
สวนแบบห้องมุม ขนาดพื้นที่ใช้สอย 84 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมาะสำหรับการพักอาศัยที่ครอบครัว มีความอบอุ่นใกล้ชิดกัน โดยพื้นที่ส่วนครัวจะมีขนาดเล็กลงมาหน่อย แต่ฟังก์ชั่นการใช้สอยยังครบครัน
ขณะที่ห้องน้ำและอ่างอาบน้ำ เป็นดีไซน์เฉพาะโครงการ The Bangkok ทองหล่อ เท่านั้น
ที่โดดเด่นเป็นพิเศษของห้อง Type นี้ คือ พื้นที่ส่วน Living room ที่กว้างขวาง โปร่ง โล่ง เปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติด้วยกระจกบานใหญ่ ห้องนอนใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว ห้องนอน 2 แม้พื้นที่จะเล็กกว่า แต่ก็สามารถจัดวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ
โครงการ The Bangkok ทองหล่อ จึงเป็นคอนโด Hi-end บนทำเลที่มีศักยภาพสูงของ “ทองหล่อ” ใจกลางย่านสุขุมวิท ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างครบครัน ทั้งภายในและภายนอกโครงการ ใกล้รถไฟฟ้า BTS เข้า-ออกเมืองได้อย่างต่อเนื่อง จึงตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้อย่างแท้จริง
26-27 ต.ค. นี้ Open House ครั้งแรก เปิดชมห้องจริง วิวจริง
The Bangkok ทองหล่อ สัมผัสความเหนือระดับ คอนโดฯ Hi-End
บนทำเลที่ติดอันดับราคาสูงที่สุดของประเทศ “ทองหล่อ”
ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อ เพียง 350 เมตร
พิเศษสำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนนัดหมาย
รับสิทธิพิเศษสูงสุด* เริ่ม 27.5 ล้าน
คลิก > https://www.lh.co.th/landing/TheBangkokThonglor/?website=HomeCoTH
ขั้นตอนที่ 1 จาก 2
-