ใช้ชีวิตให้ยูนีค บนทำเลที่ดีที่สุด กับคอนโดมิเนียมสุดหรูฯ สไตล์ลักซ์ชัวรี่ลอฟท์ ‘The Unique เอกมัย-รามอินทรา’

ทั้งหมดนั้นรวมอยู่ที่ โครงการ ‘The Unique เอกมัย-รามอินทรา’ 

เดินทางสะดวกบนถนนสายหลัก

การเดินทางมายัง โครงการ ‘The Unique เอกมัย-รามอินทรา’ สามารถเดินทางมาได้ด้วยกัน 2 เส้นทางด้วยกัน

เส้นทางที่ 1

โครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา จะตั้งอยู่ภายใน ซอยลาดพร้าว 87 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Crystal Design Center ที่ถือว่าเป็นจุด Landmark บนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา (ประดิษฐ์มนูธรรม) ที่เป็นถนนสายหลักที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายอื่นๆได้ เช่น เอกมัย, ทองหล่อ, ลาดพร้าว และพหลโยธิน เป็นต้นฯ อีกทั้งยังใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์

เส้นทางที่ 2

สามารถใช้ถนนเส้นลาดพร้าวลัดเลาะเข้ามาในซอยลาดพร้าว 87 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการได้ ซึ่งภายในซอยมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายทั้ง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ คาร์แคร์ รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชม.

เชื่อมต่อการเดินทางด้วยทางด่วน

จากโครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา สามารถเดินทางเชื่อมต่อมาที่ทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ ได้ไม่ถึง 10 นาที ถ้าเฉลี่ยตามระยะทางอยู่ที่ 3 กิโลเมตรเท่านั้น

รองรับการเติบโตด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีเทา

นอกจากเส้นทางบนถนนหลักและถนนรองเพื่อมายังโครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา ในอนาคตจะสะดวกสบายขึ้นด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ท่าพระ) 

ล้อมรอบด้วยห้างสรรพสินค้าและสถานที่สำคัญ

ไม่เพียงแค่เดินทางสะดวกแต่ โครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา ยังถูกแวดล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย ซึ่งจุดหลักที่เป็น Landmark ก่อนถึงตัวโครงการได้แก่ Crystal Design Center (CDC) ซึ่งอยู่ก่อนเข้าซอยลาดพร้าว 87 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ

บนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา (ประดิษฐ์มนูธรรม) ถือเป็นอีกย่านหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ สถาบันการศึกษา และโรงพยาบาล ที่พร้อมรองรับการอยู่อาศัยภายในโครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา 

• Crystal Design Center (CDC)
• Central Festival EastVille
• Chic Republic
• The Walk (เกษตร-นวมินทร์)
• Homepro เอกมัย-รามอินทรา
• ตลาดเลียบทางด่วนรามอินทรา

The Unique เอกมัย-รามอินทรา

โครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา เป็นคอนโดมิเนียมรูปแบบ Low Rise สูง 7 ชั้น แบ่งเป็น 2 อาคาร มีจำนวนห้องทั้งหมด 64 ยูนิต ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การออกแบบในสไตล์ Luxury Loft ที่ช่วยสร้างความหรูหราสวยงามเฉพาะตัว อีกทั้งยังมาพร้อมกับส่วนกลางที่ครบครัน และที่สำคัญตัวโครงการขายห้องพักในรูปแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ครบ สามารถยกกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย 

ROOM TYPE 

• 1 BEDROOM : 30 / 37.5 / 42 SQ.M. (Private Lift)
• 2 BEDROOM : 42 / 52 SQ.M. (Private Lift)
• 2 BEDROOM : 71 SQ.M. (Private Lift)
• 2 BEDROOM : 72 SQ.M. (Duplex - Private Lift)
• 3 BEDROOM : 84 SQ.M. (Penthouse - Private Lift)

ทางเข้าหลักก่อนขึ้นไปยังห้องพักของอาคารชั้นหนึ่ง จะถูกกั้นด้วยประตูกระจกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัย โดยต้องใช้ Key Card Access เพื่อผ่านเข้าไปยังด้านในเท่านั้น

หลังจากผ่านประตูทางเข้าหลักด้านล่างจะพบกับลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ซึ่งเป็นลิฟต์แบบล็อคชั้น ต้องใช้ Key Card Access เท่านั้นถึงจะขึ้นมาบนชั้นที่พักอาศัยของตัวเองได้ ถือเป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับหนึ่ง และเมื่อออกจากลิฟต์โดยสารจะพบกับโถงทางเดินโดยมีการแบ่งสัดส่วนของห้องพักอย่างชัดเจน

ก่อนเข้าห้องพักทุกยูนิตทางโครงการยังคงให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยได้เลือกใช้ระบบประตู Digital Dool Lock จากแบรนด์สัญชาติเกาหลีอย่าง MAZI Premium ซึ่งมีประสิทธิภาพในการใช้งานสูง อีกทั้งยังมีระบบปลดล็อคทั้งรหัสและ Key Card Access

1 ฺBEDROOM 37.5 ตร.ม.
ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างลงตัว ทั้งการออกแบบและวัสดุเกรด A

สำหรับห้องตัวอย่างที่ทางโครงการมานำเสนอประเภทแรกได้แก่ 1 Bedroom ขนาด 37.5 ตร.ม. ซึ่งเป็น 1 ห้องนอนที่มีขนาดกว้างขวางเหมาะกับการอยู่อาศัยได้มากกว่า 1 คน โดยภายในมีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายสามารถตอบโจทย์ Lifestyle คนเมือง

โซนแรกเมื่อเข้ามาภายในห้องพักจะพบกับส่วนของ Living Area ขนาดใหญ่ ซึ่งถือว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นศูนย์กลางที่สามารถใช้งานและเชื่อมโยงไปยังพื้นที่อื่นๆภายในห้องได้สะดวก จากห้องตัวอย่างจะเห็นว่าทางโครงการได้จัดวางโซฟาและตู้วางโทรทัศน์แบบเฟอร์นิเจอร์แล้วตัวไว้ให้ และด้วยขนาดของพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างมาก เราอาจเพิ่มเติมด้วยการ Built-in Furniture ชั้นวางโทรทัศน์ให้เต็มผนัง พร้อมกับเลือกวางโซฟาขนาดใหญ่ขึ้นประมาณ 3-4 ที่นั่ง หรืออาจเลือกโซฟาแบบเข้ามุมก็ทำได้ เพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น พาเพื่อนมาปาร์ตี้, พาแฟนนั่งดู Netflix หรือให้พ่อ-แม่ ได้มีพื้นที่พูดคุยกัน เป็นต้นฯ

อีกหนึ่งจุดเด่นของพื้นที่ Living Area อยู่ที่การเลือกใช้กระจกใสเต็มบาน เพื่อเพิ่มความปลอดโปร่งให้กับพื้นที่ ในขณะเดียวกันยังสามารถรับชมบรรยากาศเพื่อความผ่อนคลายบริเวณภายนอกได้

ถัดจากส่วนของ Living Area ทางด้านซ้ายถูกแบ่งสัดส่วนเป็นพื้นที่ มุมรับประทานอาหารและส่วนครัว ที่เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอก ส่วนทางด้านขวาเป็นส่วนของห้องนอนและห้องน้ำ

ภายในห้องนอนมีขนาดกว้างมากพอที่จะเลือกวางเตียงนอนแบบ King Size (6 ฟุต) โดยยังมีพื้นที่เหลือสำหรับจัดฟังก์ชันใช้สอยอื่นๆได้ นอกจากนั้นยังเปิดพื้นที่ให้โปร่งสบายมากยิ่งขึ้นด้วยหน้าต่างกระจกอีกทั้งทางโครงการยัง Built-in ตู้เสื้อผ้าและมุมแต่งหน้าเอาไว้ให้แล้วทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น

ถัดออกมาจากห้องนอนเป็นส่วนของมุมรับประทานอาหารและส่วนครัว สำหรับมุมรับประทานอาหารสามารถเลือกวางโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่งได้พอเหมาะ และยังเชื่อมโยงการใช้งาน การเสิร์ฟ อาหารจากส่วนครัวได้สะดวก 

บริเวณส่วนครัวทางโครงการเลือก Built-in ชุดเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัวไอ (I) แบบครบชุดมีทั้งชุดเครื่องดูดควันและซิงค์ล้างจานของแบรนด์ Hafele พร้อมทั้งเตาไฟฟ้าแบบ 1 หัว และที่สำคัญมีตู้สำหรับเก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งด้านบนและเคาน์เตอร์ด้านล่าง

ห้องน้ำถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญเพราะทางโครงการให้ชุดสุขภัณฑ์ครบชุด และมีการจัดแบ่งโซนเปียกและแห้งแยกออกจากกั้นอย่างชัดเจน โดยส่วนเปียกเลือกใช้ฉากกั้นกระจกเพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาด้านนอก ช่วยลดปัญหาเรื่องน้ำไหลซึมและช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย

โดยรวมของ 1 Bedroom ขนาด 37.5 ตร.ม. เป็น 1 ห้องนอนที่สามารถรองรับการใช้ชีวิตได้มากกว่า 1 คน เนื่องจากการออกแบบพื้นที่มีขนาดค่อนข้างกว้างขวาง บวกกับการแบ่งสัดส่วนการใช้งานระหว่างพื้นที่ได้อย่างลงตัว นอกจากนั้นยังเลือกใช้วัสดุเกรด A ทั้งลามิเนตลายไม้ปูพื้นที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง และวัสดุบริเวณชุดครัวที่เลือกใช้วัสดุหินสังเคราะห์ที่หน้าเคาน์เตอร์ รวมถึงภายในห้องน้ำเลือกใช้กระเบื้องเซรามิคผิวด้านกรุผนัง ส่วนพื้นเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้

หลังจากพาไปชมห้อง 1 Bedroom ขนาด 37.5 ตร.ม. กันแล้ว เลยอยากจะพามาชมห้องที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ของ โครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา กับห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 72 ตร.ม. ที่มาพร้อม Private Lift ขึ้นตรงถึงหน้าห้อง

2 BEDROOM DUPLEX 72 ตร.ม.
เติมเต็มทุกการใช้ชีวิตที่เหนือระดับ กับห้องเพดานสูง 5 เมตร

2 Bedroom Duplex ขนาด 72 ตร.ม. เป็นห้องพักเพดานสูง 5 เมตร โดยแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน มีหลากหลายฟังก์ชันการใช้งาม จึงทำให้เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยแบบคู่สามี-ภรรยา หรือครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกมากกว่า 2 คนขึ้นไป

พื้นที่แรกเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับมุมรับประทานอาหารและส่วนครัว ซึ่งภายในห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 72 ตร.ม. ทางโครงการเลือกวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง และเลือก Built-in ชุดเครื่องครัวในลักษณะตัวแอล (L) ทำให้สามารถใช้งานสะดวกขึ้นเป็นเท่าตัว

สำหรับชุดเครื่องครัวทางโครงการเลือกสเปควัสดุเกรด A ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดควันและซิงค์ล้างจานของแบรนด์ Hafele รวมถึงเตาไฟฟ้าแบบ 1 หัว และตู้สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำครัวรวมถึงสัมภาระอื่นๆ

ห้องน้ำจะอยู่ตรงกันข้ามกับมุมรับประทานอาหารและส่วนครัว โดยพื้นที่ด้านในถูกแบ่งสัดส่วนการใช้งานออกเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้ง โดยระหว่างพื้นที่กั้นด้วยบานกระจกใสเพื่อให้สะดวกและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน

ถัดจากมุมรับประทานอาหารและส่วนครัว เข้ามาจะพบกันห้องนอนที่ 1 ขนาดกำลังพอดี สามารถเลือกวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต และที่สำคัญทางโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้อีกด้วย

มาถึงไฮไลท์เด็ดของห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 72 ตร.ม. กับพื้นที่ Living Area ที่มีการออกแบบในลักษณะ Double Space High Ceiling Design ที่มีความสูงจากพื้นชั้น 1 ถึงเพดานชั้น 2 มากกว่า 5 เมตร 

จึงทำให้พื้นที่บริเวณ Living Area โปร่งสบาย นอกจากนั้นทางโครงการยังเลือกใช้กระจกบานใหญ่ทั้งแผง ช่วยให้ได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติภายนอกได้มากขึ้น เป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในตอนกลางวัน และสามารถรับชมบรรยากาศโดยรอบได้ในช่วงกลางคืน 

ติดกับ Living Area จะถูกแบ่งสัดส่วนไว้เป็นพื้นที่ของระเบียง ซึ่งมีขนาดกว้างกว่าระเบียงโดยปกติทั่วไป สามารถเลือกปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็น มุมนั่งเล่นแบบ Semi-outdoor สำหรับนั่งดื่มกาแฟตอนเช้า หรือจะเลือกจัดเป็นมุมสำหรับจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆในช่วงกลางคืนได้

บันไดทางขึ้นชั้น 2 ใช้ระบบ Motion Sensor Lights Stairs เพื่อให้แสงสว่างเพิ่มความปลอดภัยในช่วงเวลากลางคืน

พักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัวกับห้องนอนบนชั้น 2

อีกหนึ่งจุดเด่นของ 2 Bedroom Duplex ขนาด 72 ตร.ม. คือห้องนอนบนชั้น 2 ที่มีการออกแบบได้อย่างลงตัว โดยพื้นที่ภายในมีขนาดกว้างทำให้วางเตียงนอนขนาด 6 ฟุต โดยยังเหลือพื้นที่ ที่สามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์การใช้สอยได้หลากหลาย

ทางโครงการยังให้ความสำคัญกับความปลอดโปร่งภายใน โดยเลือกใช้หน้าต่างกระจกใสขนาดใหญ่ ทำให้ได้แสงธรรมชาติลดปัญหาความอับชื้น เมื่อเปิดหน้าต่างจะช่วยให้ระบบหมุนเวียนอากาศภายในดีขึ้น

ฝั่งตรงข้ามเตียงนอน แบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ มุมแต่งหน้าและชั้นวางโทรทัศน์ที่มีการต่อสายไฟและสายเคเบิ้ลพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อ

ห้องน้ำบนชั้นนี้ถูกออกแบบตามหลักมาตรฐานสากล คือการแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกันเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน อีกทั้งทางโครงการยังให้อุปกรณ์และสุขภัณฑ์ครบชุด และที่สำคัญมีอ่างอาบน้ำอยู่ในตัวอีกด้วย

ทางโครงการมองเห็นความสำคัญของการนำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ภายในโครงการ โดยได้เลือกใช้ระบบ Smart Control ที่สามารถควบคุมคำสั่งงานเปิดปิดไฟฟ้าด้วย Application 

สรุปโดยรวมของห้อง 2 Bedroom Duplex ขนาด 72 ตร.ม. นอกจากมีความโดดเด่นในการดีไซน์พื้นที่ภายในด้วยการเปิดฝ้าเพดานสูงแล้ว ยังมีการจัดฟังก์ชันการใช้งานออกเป็นสัดส่วน พร้อมเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยม รวมถึงยังได้นำระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้พักอาศัย

เติมเต็มทุก Lifestyle ด้วยพื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางภายใน โครงการ The Unique เอกมัย-รามอินทรา มีมาให้อย่างครบครันเพื่อตอบโจทย์ Lifestyle ของคนเมือง ประกอบด้วย

• - Relax Pool
• - Fitness
• - Sauna
• - Garden
• - Mail Room