ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 หรือชื่อที่คนเรียกติดปากว่าถนนบางนา-ตราด แต่ปัจจุบันมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ถนนเทพรัตน” ถนนสายดังกล่าวมีระยะทางยาวประมาณ 70 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่บริเวณสี่แยกบางนาไปจนถึงบริเวณนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี โดยมีทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี) เป็นทางยกระดับอยู่ด้านบน ทำหน้าที่เชื่อมโยงพื้นที่ระหว่างกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก (เขตพระโขนง, ประเวศ, บางนา) กับอำเภอบางพลี, บางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อเนื่องไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และพื้นที่ภาคตะวันออกของไทย ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลที่ขึ้นชื่อ แหล่งนิคมอุตสาหกรรมสำคัญอย่างอิสเทิร์นซีบอร์ด รวมทั้งโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ดังนั้นพื้นที่บริเวณย่านบางนา-ตราดจึงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในด้านพาณิชย์ อาทิ ร้านค้า, ห้างสรรพสินค้า, ห้างค้าปลีก, อาคารสำนักงาน, โรงแรม, โรงเรียนนานาชาติ, มหาวิทยาลัย หรือด้านโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรองรับความเจริญที่แผ่ขยายออกมาจากกรุงเทพฯ ชั้นใน โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่แยกบางนาไปจนถึงถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) เนื่องจากมีโครงข่ายคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งทางถนน, ทางด่วน, ทางพิเศษ, รถไฟฟ้า (BTS, แอร์พอร์ตลิงก์) และสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้การเดินทางเชื่อมต่อเข้าออกเมืองมีความสะดวกมากขึ้น
แม้ว่าจะมีโครงข่ายคมนาคมค่อนข้างครบครันแล้วก็ตาม แต่ภาครัฐก็ยังมีแผนลงทุนพัฒนาระบบขนส่งเพิ่มเติมทั้งตามแนวถนนบางนา-ตราดและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2, โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 (รันเวย์ 3) ด้านทิศตะวันตกของสนามบินสุวรรณภูมิ วงเงินประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินจาก 68 เที่ยวบิน/ชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบิน/ชั่วโมง, โครงการถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 (ด้านตะวันออก), โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีโครงการระบบขนส่งมวลชนที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพของย่านนี้ถึง 2 โครงการ คือโครงการรถไฟรางคู่ขนาดเบา (Light Rail) สายบางนา-สุวรรณภูมิ เชื่อมต่อ BTS บางนาและอุดมสุข (ของกรุงเทพมหานคร) วิ่งบนถนนบางนาเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรงที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งจะวิ่งไปตามแนวถนนลาดพร้าวและถนนศรีนครินทร์ โดยมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟรางคู่ขนาดเบาสายบางนา-สุวรรณภูมิ บริเวณสถานีศรีเอี่ยม ใกล้กับห้างเซ็นทรัล บางนาและโรงพยาบาลไทยนครินทร์ เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในอนาคตอีกด้วย
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ย่านนี้เหมาะที่จะเป็นแหล่งพักอาศัย คือมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันครบครันมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว เริ่มจากช่วงต้นถนนบริเวณสี่แยกบางนามีทั้งศูนย์การประชุมไบเทค ซึ่งจะมีงานแสดงสินค้า การประชุม หรืออีเวนต์ต่างๆ มากมายในแต่ละปี, ห้างเซ็นทรัล บางนา, บิ๊กซี บางนา, เดอะพาซิโอ้, ร้านค้าวัสดุก่อสร้างอย่างบุญถาวรและแกรนด์โฮมมาร์ท ตลอดจนศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ครบวงจร ทั้งเอสบี ดีไซน์ สแควร์, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และชิค รีพับบลิค
ที่สำคัญตรงบริเวณสี่แยกบางนากำลังจะมีห้างใหญ่เกิดขึ้น “Bangkok Mall” ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป อยู่ตรงข้ามศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา เนื้อที่กว่า 100 ไร่ มีพื้นที่โครงการกว่า 650,000 ตารางเมตร จะกลายเป็นอาณาจักรศูนย์การค้าและที่อยู่อาศัยรวมถึงออฟฟิศแบบครบวงจร มีทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ภัตตาคาร โรงมหรสพและหอประชุม
ส่วนช่วงกลางๆ ใกล้กับถนนวงแหวนรอบนอกก็มีห้างเทสโก้ โลตัส สาขาบางนา-ตราด, ห้างเมกาบางนา ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้า (โรบินสัน, บิ๊กซี) และอิเกีย ซูเปอร์สโตร์ ศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม เช่น เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต, มาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ
ขณะที่สถานศึกษาและสถานพยาบาลชั้นนำ อาทิ รพ.ปิยะมินทร์, รพ.ไทยนครินทร์, รพ.ศิครินทร์, รพ.บางนา, รพ.สิรินธร, รร.นานาชาติชาร์เตอร์, รร.สารสาสน์วิเทศร่มเกล้า, รร.ราชวินิต, รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ, รร.นานาชาติแองโกลสิงคโปร์, รร.นานาชาติเวลส์ล, รร.พระกุมารเยซูวิทยา, รร.นานาชาติบางกอกเพรพ, รร.นานาชาติเซนต์ แอนดรูว์ส, รร.นานาชาติเบิร์คลีย์, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) รวมถึงสวนสาธารณะแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับขนาดใหญ่ สวนหลวง ร.9 เป็นต้น
ด้วยศักยภาพของทำเลบางนา-ตราดที่กล่าวมานี้จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยสำหรับครอบครัว เนื่องจากความครบครันทั้งด้านแหล่งงาน, สถานศึกษา (ไทย-นานาชาติ), สถานพยาบาล และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย ขณะเดียวกันการเดินทางเข้าออกเมืองหรือจะไปท่องเที่ยวยังต่างจังหวัดก็มีความสะดวก ด้วยระบบขนส่งมวลชนและโครงข่ายคมนาคมหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความต้องการ
สะท้อนได้จากการเกิดขึ้นของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงตามแนวถนนสายหลักและถนนสายรองอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยว ซึ่งเป็นตลาดที่รองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่แท้จริง (Real Demand) ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นพื้นที่ที่มีอุปสงค์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขณะที่อัตราการขายบ้านเดี่ยวในทำเลย่านนี้จะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 80% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
เมื่อมีโครงการบ้านจัดสรร (บ้านเดี่ยว) ให้เลือกมากมาย แต่จะดีแค่ไหน…ถ้าเป็น “บ้าน” ที่สามารถปรับเปลี่ยน ต่อเติม หรือเพิ่มลดขนาดพื้นที่ใช้สอยได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในย่านนี้ คือโครงการ H-Cape Serene วงแหวน-บางนา จากดีเวลลอปเปอร์กลุ่มบริษัทแฮปปี้แลนด์ โดยประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 40 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบโฮมออฟฟิศและบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น
โครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ "สุขาภิบาล 2" ที่เชื่อมระหว่างถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังกับถนนเลียบวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก (ช่วงอ่อนนุช-ลาดกระบังกับถนนบางนา-ตราด) การเดินทางมายังโครงการสามารถใช้ได้ทั้งโครงข่ายทางด่วนต่อเนื่องมายังถนนมอเตอร์เวย์ มาออกที่ด่านอ่อนนุช-ลาดกระบัง เลี้ยวขวาบริเวณสามแยกเพื่อเข้าสู่ถนนสุขาภิบาล 2 วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกับทางเข้าโครงการอยู่ด้านซ้ายมือพอดี ฝั่งตรงข้ามเป็น Tops Daily เป็นจุดสังเกต
ขณะเดียวกันถนนดังกล่าวยังเชื่อมต่อกับโครงข่ายถนนสายหลักได้ทั้งถนนบางนา-ตราด, ถนนกิ่งแก้ว, ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9, ถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง, ถนนพัฒนาการ, ถนนศรีนครินทร์, ถนนพระราม 9, ทางด่วนศรีรัช (พระราม 9-ศรีนครินทร์), ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์, ถนนมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพฯ-ชลบุรี), ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก), ทางพิเศษบางพลี-สุขสวัสดิ์ (วงแหวนรอบนอกด้านใต้) รวมทั้งทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี)
นอกจากนี้ยังใกล้โครงข่ายรถไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้เคียงที่จะใช้บริการได้ เช่น รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิทตรงสถานีบางนา เป็นรถไฟฟ้าสายตรงวิ่งผ่านใจกลางเมืองโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน หรือรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรงที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (กำหนดเปิดให้บริการปี 2564) ที่สำคัญยังอยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองหรือไปต่างประเทศมีความสะดวกมากขึ้น
บนพื้นที่โครงการกว่า 56 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น จำนวน 250 ยูนิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ “มากกว่าบ้าน คือพื้นที่ของครอบครัว” โดยได้แรงบันดาลใจมาจากความทรงจำที่ดีและความผูกพันกับผู้อยู่อาศัย ผสานกับแนวคิดของการดูแลและความใส่ใจของการอยู่อาศัย ด้วยการก่อสร้างวิธีการก่ออิฐแบบระบบ Conventional ที่สามารถปรับเปลี่ยนและต่อเติม เพิ่มลดพื้นที่ได้โดยไม่มีผลกระทบกับโครงสร้างของบ้าน
ส่วนตัวบ้านนั้นยังออกแบบให้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางเป็นพิเศษ ผสมผสานกับเส้นสายที่มีความเรียบง่ายและทันสมัย พร้อมกับฟังก์ชันการใช้สอยที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย
ขณะที่ Facility ก็มีให้ครบครัน อาทิ ถนนเมนขนาดความกว้าง 16-19 เมตร ส่วนถนนซอยกว้าง 9 เมตร ซึ่งแต่ละซอยจะมีบ้านเพียง 6 หลังเท่านั้น จึงมีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวสูง, Waterfall Clubhouse, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Library, Jogging Track, สวนสาธารณะ 2 จุด ขนาดใหญ่ถึง 5 ไร่, เข้าออกด้วยระบบ Keycard Access, ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ, ประตูโครงการแบบ Double Gate พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ภายในโครงการมีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบด้วยกัน ขนาดที่ดินเริ่มต้น 50-100 ตารางวา ระดับราคาเริ่มต้นที่ 7-19 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Type S (แบบ Sanctuary) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 187 ตารางเมตร ประกอบด้วย 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, ส่วนรับแขก, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องครัวไทย และที่จอดรถ 2 คัน
- Type M (แบบ Symmetry) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 219 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ,ส่วนรับแขก, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องอเนกประสงค์, ห้องครัวไทย, ห้องแม่บ้าน และที่จอดรถ 2 คัน
- Type L (แบบ Scenic) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 288 ตารางเมตร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, ส่วนรับแขก, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องอเนกประสงค์, ห้องครัวไทย, ห้องแม่บ้าน และที่จอดรถ 3คัน
- Type XL (แบบ Saliency) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 335 ตารางเมตร ประกอบด้วย 5 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, ส่วนรับแขก, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องครัวไทย, ห้องแม่บ้าน และที่จอดรถ 5 คัน
บ้านเดี่ยวในโครงการ H-Cape Serene วงแหวน-บางนา จึงเหมาะสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน เพราะหากมีจำนวนสมาชิกไม่มากก็สามารถปรับขยายห้องให้มีขนาดใหญ่ได้ ที่สำคัญบ้านระดับราคาเริ่มต้น 7 ล้านบาทก็ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้ ซึ่งหาได้ยากมากที่จะมีออพชั่นให้แบบนี้ และเป็นข้อดีของการก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน เพราะนอกจากจะได้ในเรื่องของความแข็งแรง ตอก เจาะ แขวนที่ผนังได้แล้ว ยังสามารถทุบ-ต่อขยายพื้นที่ได้อย่างสะดวกเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 1 จาก 2
-