วางแผน(จะซื้อบ้าน ออมเงินก่อนปลอดภัยกว่า)

ว่ากันว่าเมื่อคนเราเริ่มทำงานได้สักระยะหนึ่งย่อมคิดที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจเริ่มต้นด้วยคอนโด หรือทาวน์เฮ้าส์ก่อนก็ได้ เพื่อความเหมาะสมของรายได้ที่อาจจะยังไม่มากมายนัก เนื่องจากเพิ่งทำงานได้ไม่นาน แต่เนื่องจากบ้านหรือคอนโด เป็นสินค้าที่มีราคาแพง แม้ว่าทั่วไปผู้ซื้อจะสามารถกู้ธนาคารได้ แต่ปกติผู้ซื้อก็ต้องมีเงินส่วนตัวจำนวนหนึ่งเพราะแบงก์จะไม่ให้กู้ทั้งหมด ถ้าเป็นคนที่พ่อแม่สนับสนุนช่วยเหลือออกเงินให้(บ้าง) ก็สบายไป แต่ถ้าต้องสู้ชีวิตด้วยตัวเองก็ต้องเก็บหอมรอมริบกันเอาเอง

หลักการออมที่ถูกต้องคือต้องตั้งเป้าหมายการออมก่อนใช้จ่ายนั่นคือเงินเดือนออกต้องเก็บไว้ทันที อาจจะ 10% หรือ 20 % แล้วแต่เป้าหมายหรือจำนวนเงินออมที่ต้องการ เหลือจากการออมเท่าไรค่อยใช้จ่าย แบบนี้จึงจะออมได้ตามเป้าหมาย

โดยปกติทั่วไปธนาคารจะให้กู้ประมาณ 80-90 % ของราคาบ้าน ดังนั้นถ้าต้องการซื้อบ้านหลังละเท่าไรก็ต้องมีเงินออมอย่างน้อย 20-30% ของราคาบ้านหลังนั้น เงินออมเหล่านี้จะถูกนำไปใช้จ่ายในการซื้อ เช่น เป็นค่าเงินจอง ค่าเงินทำสัญญา ค่าผ่อนดาวน์ หรืออาจรวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในวันโอนกรรมสิทธิ์ด้วย เช่นค่าโอน เงินกองทุนส่วนกลาง ค่าส่วนกลางล่วงหน้า ฯลฯ

ล่าสุดแบงก์เองออกมาพูดว่าเมื่อก่อนสัดส่วนหนี้ต่อรายได้นั้นกำหนดไว้ไม่เกิน 60% แต่ในปีนี้ได้ปรับสัดส่วนลงเหลือเพียง 50-55% เท่านั้น ฉะนั้นคนที่มีภาระหนี้สินต่างๆมาก โอกาสในการกู้ซื้อบ้านก็จะยิ่งน้อยลง จึงเป็นที่มาของเหตุผลที่ว่าก่อนจะซื้อบ้านทำไมต้องออม ถ้ามีเงินออมมาก ความจำเป็นในการกู้ก็น้อย โอกาสในการผ่านอนุมัติก็ง่สย ที่สำคัญกู้น้อยๆ ดอกเบี้ยจะได้ไม่บาน

บ้าน บ้านใหม่ ทาวน์เฮ้าส์ ราคาบ้าน ซื้อบ้าน

สินเชื่อบ้าน กู้ซื้อบ้าน

ให้เราช่วยค้นหามั้ย ?

ขั้นตอนที่ 1 จาก 2

เลือกประเภทและความต้องการของคุณ
ความต้องการ *
สถานะทรัพย์
ที่ตั้ง *
ประเภทอสังหาฯ *
ช่วงราคา (บาท) *

-

ให้เราช่วยค้นหามั้ย ?

ขั้นตอนที่ 1 จาก 2

เลือกประเภทและความต้องการของคุณ
ความต้องการ *
สถานะทรัพย์
ที่ตั้ง *
ประเภทอสังหาฯ *
ช่วงราคา (บาท) *

-

บทความแนะนำ

บทความที่เกี่ยวข้อง