ซื้อบ้านราคาหลักล้านยังไงให้ได้บ้านดี ไม่มีปัญหาเยอะ

ล่าสุดมีได้ลูกบ้านของโครงการหนึ่ง สมาชิกหมายเลข 1265285  ได้ตั้งกระทู้เล่าปัญหาสุดเพลีย "เก็บเงินมาทั้งชีวิต เพื่อซื้อบ้านราคาเกือบ 4 ล้านกลับมาพบ Surprise" ปัญหาที่พบนี้ทำให้เจ้าของบ้านต้องหนักอกหนักใจ เพราะเสียเงินก้อนใหญ่แต่กลับได้บ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน

โดยทางเจ้าของกระทู้เล่าว่า ซื้อบ้านหลังนี้ได้เวลาครบกำหนดซ่อมเพื่อเก็บประกัน 1 ปี ทำให้พบว่าต้องทาสีบ้านใหม่ทั้งหลัง เพราะสีเก่าหลุดร่อนเป็นแผ่นและมีรอยซึมทั่วบ้าน อีกทั้งยังพบว่าวงกบประตูบ้านมีโฟมมาอัดเอาไว้ จึงต้องแก้ไขด้วยการเอาปูนมาอัดให้เต็มและยิง PU

หลังจากนั้นยังพบว่ามีกระเบื้องในห้องน้ำร้าวอีก 3 แผ่น ช่างจึงทำการเซาะแผ่นกระเบื้องออกเพื่อแก้ไข แต่กลับพบว่ามีรูภายในกำแพงอีก จึงต้องเซาะกระเบื้องบริเวณนั้นเพื่ออัดปูนลงไป

แต่แล้วปัญหาก็ยังไม่จบ เพราะพบว่ามีรอยร้าวใต้บันได ทุบแล้วยังเจอรูและมีโฟมอัดอยู่ในปูน 5 จุด จึงต้องให้ช่างรื้อโฟมออก แล้วซ่อมด้วยการเอาปูนมาอุด

และนี่เป็นเพียงตัวอย่างของลูกบ้านที่พบเจอปัญหาภายในบ้านของตัวเองหลังจากรับโอนมาแล้ว หรือเข้าอยู่แล้วเพิ่งมาเจอปัญหาต่างๆ การตรวจให้ดีก่อนโอนรับบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจให้ละเอียดนะคะ

มาดูกันว่า 4 ขั้นตอนสำคัญที่เราควรรับมือให้ดีก่อนโอนรับบ้านมีอะไรบ้าง

1. แบบบ้าน,ขนาดที่ดิน,วัสดุอุปกรณ์ ทั้งหมดนี้ต้องมีความถูกต้องตรงกับเอกสารและหลักฐาน เพราะมักเกิดปัญหาแบบบ้านใหม่ หรือวัสดุอุปกรณ์ไม่ตรงกับในสัญญา แต่ถึงแม้ว่าวัสดุอุปกรณ์ไม่ตรงกันจริง คุณภาพจะต้องดีกว่าหรือเทียบเท่า

2. ความเรียบร้อยสมบูรณ์ เพื่อป้องกันปัญหาการโอนรับบ้านใหม่ที่เกิดจากการที่โครงการมักมีการเร่งให้เราโอนรับก่อนเสร็จสิ้น เราควรรับโอนเมื่อบ้านมีการสร้างหรือแก้ไขครบสมบูรณ์แล้วเท่านั้น เพราะหากเรารับมาก่อนมีการแก้ไขเสร็จสิ้น อาจทำให้เกิดปัญหาในการตามแก้ไขที่ล่าช้า

3. ระยะเวลาส่งมอบ กำหนดการส่งมอบนั้นต้องเป็นไปตามสัญญา ถ้าหากมีการโอนล่าช้ากว่ากำหนด เราสามารถสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายได้

4. การรับประกันงานก่อสร้าง ในทางกฏหมายทางโครงการต้องมีการรับประกัน 5 ปี หรือถ้าประกันอุปกรณ์อื่นๆต้องรับประกัน 1 ปี ดังนั้นเราจึงควรตรวจสอบสิทธิในการเรียกร้องนี้ด้วย ซึ่งเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้ผู้จะซื้อแล้ว ผู้ขายจะต้องรับผิดในความเสียหายหรือความชำรุดบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่งของอาคาร อันเป็นเหตุให้เสื่อมราคา หรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์ที่ผู้ซื้อพึงจะได้รับ ดังนี้

  1  กรณีที่เป็นโครงสร้างของอาคารได้แก่ เสาเข็ม ฐานราก เสาคาน พื้น โครงหลังคา และผนังที่รับน้ำหนัก มีระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันโอนกรรมสิทธิ์

  2  กรณีที่เป็นส่วนควบหรืออุปกรณ์อันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอาคารนอกจากในข้อ 1 แล้วนั้น มีระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันโอนกรรมสิทธิ์

  3  รั้ว และกำแพง มีระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันโอนกรรสิทธิ์

รู้จักวิธีรับมือในการโอนรับบ้าน และมีความรอบคอบในการตรวจบ้านให้ละเอียด ปัญหาต่างๆเหล่านี้ก็อาจจะเกิดได้น้อย หรือไม่มีปัญหาตามมาค่ะ