“นนทบุรี” เป็นพื้นที่จังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ที่ติดอันดับ Top 5 การค้นหาบ้านมากที่สุด ด้วยความที่มีพื้นที่ติดกับกรุงเทพมหานคร และมีการเดินทางที่สะดวก เชื่อมต่อกันได้หลากหลายเส้นทางทางน้ำ (เรือด่วนเจ้าพระยา) รถไฟฟ้าสายสีม่วง ทางด่วน และถนนหลายสายเดินทางไปมากันได้ง่ายๆ
สำหรับคนที่ค้นหาบ้านในทำเลนนทบุรีคงจะคุ้นชื่อบ้านแบรนด์ “ธนาสิริ” กันแน่นอน เพราะแบรนด์นี้อยู่คู่คนย่านเมืองนนท์มานานกว่า 35 ปี พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาแล้วรวมๆ 2,700 ยูนิต 27 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท
วันนี้ Home Buyers มีโอกาสได้มานั่งพูดคุยในบรรยากาศสบายๆ กับ “คุณเบิร์ท-สุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ จำกัด (มหาชน) ถึงก้าวที่ผ่านมา ก้าวปัจจุบันและก้าวต่อไปในอนาคตของธนาสิริ...ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้มีคุณภาพการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้นไปอีก
ทำความรู้จัก “ธนาสิริ” ให้มากขึ้น
ธนาสิริ เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย เริ่มก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี 2528 ซึ่งเป็นรุ่นคุณพ่อของคุณเบิร์ท และถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นแรก ส่วนคุณเบิร์ทเองเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2
ย้อนไปเมื่อ 35 ปีที่ผ่านมาจุดเริ่มต้นนั้นทำให้มี “ธนาสิริ” ในวันนี้ และเป็นยุคของเจเนอเรชั่นที่ 2 จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ส่งไม้ต่อในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าให้ได้มีสังคมที่น่าอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ธนาสิริ มีที่อยู่อาศัยหลากหลายแบรนด์ และสร้างการจดจำด้วยการใช้ชื่อแบรนด์ที่มีคำขึ้นต้นว่า "ธนา" ได้แก่ ธนาฮาบิแทต, ธนาวิลเลจ, ธนาคลัสเตอร์ และธนาซิโอ้ ครอบคลุมทุกเซกเมนท์โปรดักต์และระดับราคาเริ่มต้น 3 ล้านกว่าบาท
“ตอนเริ่มต้น เราทำหลายบริษัท แต่ต่อมาเราก็ทำให้บริษัทมีภาพที่ชัดเจนมากขึ้น และรวมให้เป็นบริษัทเดียว คือ ธนาสิริ เราทำโครงการมาเรื่อยๆ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2552” คุณเบิร์ท เล่าถึงที่มาของบริษัทเมื่อ 35 ปีก่อน
จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของ “ธนาสิริ”
ปี 2528 ก่อตั้งบริษัท ประสิทธิ์ปิ่นเกล้า จำกัด พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ หลังจาก
ปี 2536 เริ่มต้นยุคเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวโครงการแรก “ธนาสิริ รัตนาธิเบศร์” มูลค่า 595 ล้านบาท หลังจากนั้นก็เปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่องและขยายทำเลไปต่างจังหวัด คือ ภูเก็ต, อุดรธานี และสกลนคร
ปี 2552 ธนาสิริ ได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตอนนั้นมีทุนจดทะเบียน 250 ล้าน และเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่เข้าตลาดเร็วที่สุด จากนั้นก็เปิดโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นโซนจังหวัดนนทบุรีเป็นหลัก
ปี 2563 ธนาสิริ ประกาศร่วมทุนกับ “อนาบูกิ โคซัน” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 50 ปี ทำหลายอย่างทั้งอสังหาริมทรัพย์ และการให้บริการอื่นๆ เช่น พัฒนาคอนโดมิเนียม, บ้านจัดสรร, รับสร้างบ้าน, รีโนเวทบ้าน ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ, เฮลท์แคร์, บริหารอพาร์ทเม้นท์ และสำนักงานเก่าในญี่ปุ่น
3 องค์ประกอบหลัก
สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี
จุดแข็ง แนวคิด และคอนเซ็ปท์หลักของการพัฒนาโครงการของธนาสิริ คุณเบิร์ทเล่าว่า ด้วยความที่บริษัทอยู่ในธุรกิจมายาวนาน 35 ปี สร้างบ้านให้ลูกค้ามากว่า 2,700 ครอบครัว สิ่งที่ให้ความสำคัญมาตลอดคือ การเน้นคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับการอยู่อาศัย การออกแบบสเปซการใช้งานให้เหมาะสม การเลือกวัสดุที่ดีและราคาสมเหตุสมผล
"เราเองมีจุดยืนในการทำโครงการที่เน้น 3 องค์ประกอบหลัก คือ ต้องมี Quality Of family life ทุกโครงการเราเน้นอยู่ได้ 3 เจเนอเรชั่น ออกแบบห้องนอนชั้นล่างรองรับผู้สูงอายุ การคำนึงเรื่องสิ่งแวดล้อม (Environmental Friendly) และการสร้างชุมชนที่ดีของการอยู่อาศัย บ้านในซอยเดียวกัน โครงการเดียวกัน ชุมชนเดียวกัน ทำให้เกิดกิจกรรมดีๆ ร่วมกัน (Caring Community)"
ร่วมทุนญี่ปุ่น “อนาบูกิ”
ต่อยอดธุรกิจสร้างความยั่งยืน
คุณเบิร์ทเล่าต่อถึงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นว่า เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งอนาบูกิมีความหลากหลายทางด้านธุรกิจ การเข้ามาร่วมกันพัฒนาโครงการเป็นจุดเริ่มต้นที่จะมาเสริมรูปแบบการบริการใหม่ๆ สำหรับคนไทย สังคมไทย และลูกค้าของธนาสิริ และอนาบูกิ จึงร่วมกันพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแรกด้วยกัน คือ “อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต”
“การที่เราได้ทำโครงการร่วมกันเพราะว่ามีเจตนารมย์ใกล้เคียงกันในการให้บริการ เรื่องการอยู่อาศัย การเริ่มต้นสร้างครอบครัว ไปจนถึงวัยชรา จนบั้นปลายของชีวิต เรามองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรจะเป็นและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับอนาบูกิ ทำเซอร์วิสดีๆ ให้กับสังคมไทย”
จากแนวคิดที่อยากให้ประเทศไทยมีบริการต่างๆ ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่าง ซึ่งบริการเหล่านี้ที่ประเทศญี่ปุ่นมีมาก่อนแล้ว และโจทย์ต่อไปของธนาสิริ และอนาบูกิที่จะต้องทำก็คือ การสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้นในโครงการใหม่ๆ ที่จะพัฒนาในอนาคต รวมถึงโครงการ “อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต” ด้วย
“อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต”
บ้านสำหรับ 88 ครอบครัว
ปี 2563 ที่ผ่านมา ธนาสิริ ประกาศร่วมทุนกับอนาบูกิ และเปิดตัวโครงการแรก คือ “อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์-ราชพฤกษ์” รูปแบบบ้านแฝดและทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์น รีสอร์ท เลย์เอาท์แบบ L-Shape ทั้งโครงการมีบ้านเพียง 88 ยูนิตเท่านั้น สร้างบนที่ดินเริ่มต้นตั้งแต่ 29.75-63.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 144-188 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท
อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต จุดเด่นของโครงการ คือ อยู่ติดถนนใหญ่ อยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เชื่อมต่อเข้าใจกลางกรุงเทพฯ ได้ไม่ยาก และอยู่ใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 100 ไร่ สำหรับใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ และอยากได้การอยู่อาศัยที่ได้ความเป็นส่วนตัว
ก้าวต่อไปของ “ธนาสิริ”
...เติบโตอย่างยั่งยืน
คุณเบิร์ทอธิบายแนวคิดการพัฒนาโครงการของธนาสิริต่อว่า การทำธุรกิจไม่ใช่แค่ขายได้แล้วจบ แต่เป็นการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นสังคมคุณภาพสำหรับการอยู่อาศัยตลอดชั่วชีวิต
“เมื่อลูกค้าซื้อบ้านแล้ว ผมว่าโจทย์ไม่ได้จบตรงนั้น เราอยากจะดูแลกันต่อเนื่อง อยากให้บริการเสริมเรื่องนั้น เรื่องนี้ให้เค้า และพยายามคิดแพ็กเกจโปรโมชั่นต่างๆ ให้ ทำยังไงเราจะบริการลูกค้าแบบ One Stop Service จริงๆ ลูกค้าอยากได้สินค้าหรือบริการใดใดเกี่ยวกับการอยู่อาศัย ซึ่งช่วยตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละครอบครัว เราก็จัดให้”
การบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลายแตกต่างกันออกไป เป็นสิ่งที่ธนาสิริกำลังทำและพยายามเติมเต็มสิ่งที่ขาดให้ครบ ทั้งการทำให้บ้านอยู่สบาย บ้านสำหรับผู้สูงอายุ ที่มีการคิดเซอร์วิสเป็นแพ็กเกจให้
“วันนี้มันไม่ใช่ One Size Fitted All แล้ว ต้องแล้วแต่ลูกค้าละ ถ้าเราใส่เป็นมาตรฐานบางคนก็จะไม่ชอบ เราจึงพยายามทำโปรดักต์ให้ เหมาะกับภาพรวมคนมากที่สุด อะไรที่เป็น Flexible ก็จะเป็น Flexible Package ที่ให้ลูกค้าได้เลือก เป็นคอนเซ็ปท์ที่เราเตรียมทำต่อยอดในปีนี้และปีต่อๆ ไป”
แน่นอนว่าแค่คำพูดและประโยคสวยหรูไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ 100% แต่การลงมือทำ ให้ได้เห็นกันจริงๆ เป็นเครื่องมือพิสูจน์ให้ลูกค้าได้รู้ว่าธนาสิริมีความตั้งใจมากแค่ไหน โดยเริ่มต้นจากโครงการอนาบูกิ ธนาฮาบิแทต และจะต่อยอดไปถึงโครงการอื่นในอนาคต ซึ่งในปี 2564 คาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการ
“อนาบูกิ เห็นศักยภาพในตัวเรา และเราต้องการทำอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน กับสังคมไทยและชาวไทย ซึ่งหวังว่าจะพัฒนาสินค้าที่มีความแตกต่าง และสอดคล้องกับทิศทางของสังคมไทยที่จะขับเคลื่อนไปในตอนนี้” คุณเบิร์ทสรุปสุดท้าย
