Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

ช่วงปลายปี 2563 มีรายงานจากเว็บไซต์ Brand Inside ระบุถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการเลือกซื้อที่อยู่ที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เราจะสังเกตได้ว่า คอนโดมิเนียมเป็นที่นิยมต่อเนื่องมาหลายปี แต่ปัจจุบันเทรนด์ดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนไป การทำงานที่บ้านหรือ work from home’ ได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยด้วย

Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

รายงานชิ้นนี้ระบุว่า มีผู้บริโภคมากถึง 74% ที่ต้องการสัดส่วนของห้องนั่งเล่น และห้องครัวขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการทำงาน รวมถึงการใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว แตกต่างจากสถานการณ์ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องนอนมากกว่า ทำให้ปัจจุบัน ตัวเลขความนิยมของบ้านแนวราบมีสัดส่วนความต้องการซื้อสูงกว่าคอนโดมิเนียมแล้วนั่นเอง

Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

ทั้งนี้ ความนิยมดังกล่าวไม่ได้เป็นกระแสแค่ในไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลกก็มีรายงานออกมาด้วยว่า ผู้คนกำลังมองหาบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเพื่อ ‘work from home’ กันมากขึ้น โดยสภาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ หรือ National Real Estate Development Council กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ระบุว่า ผู้ซื้อกว่า 40% ต้องการบ้านที่มีพื้นที่เพิ่มขึ้น ลดสัดส่วนขนาดห้องนอนให้เล็กลง หลังจากต้องทำงานที่บ้านต่อเนื่องมาหลายเดือน ทำให้ผู้คนเริ่มโหยหาการมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง มีห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์ สำหรับทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง ตั้งแต่พักผ่อน ทำงาน และใช้เวลาร่วมกับครอบครัวอย่างครบถ้วน

Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

ส่วนลักษณะบ้านที่กำลังเป็นเทรนด์ ณ ขณะนี้ก็คือ บ้านที่สามารถปรับเปลี่ยน-โยกย้ายพื้นที่ได้ตามความต้องการ บทความจาก The Conversation กล่าวว่า กระแสความนิยมในช่วงที่ผ่านมาคือ การมีพื้นที่บ้านที่เปิดโล่ง สามารถใช้พื้นที่ทั้งในส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และพื้นที่เปิดกึ่งๆ ห้องทำงานร่วมกันได้ ไม่ต้องมีการแบ่งสัดส่วนอย่างตายตัวมากนัก ซึ่งตรงกับ เทรนด์การเลือกที่อยู่อาศัยของไทย ที่ต้องการพื้นที่ที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว แต่ในขณะเดียวกัน พื้นที่สำหรับการทำงาน พื้นที่สำหรับให้ลูกๆ เรียนออนไลน์จากที่บ้าน ก็ต้องมีความลงตัวเป็นสัดเป็นส่วน

Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

จากเทรนด์ความนิยมที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้โครงการแนวราบอย่าง โครงการ นินญา กัลปพฤกษ์ ภายใต้การพัฒนาโดย บมจ.เซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีวิสัยทัศน์ ไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างประสบการณ์แห่งความสุข เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในตอนนี้เลย บนทำเลศักยภาพ สาทร-กัลปพฤกษ์ จากการเข้าใจผู้บริโภค Life Style ของคนเมืองยุคใหม่ และ พฤติกรรม New Normal เราจึงพัฒนาแบบบ้านเพื่อตอบโจทย์ ครอบครัวยุคใหม่ โดยเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ภายในบ้าน จากเดิม 230 ตร.. เป็น 262 ตร.. เพื่อได้ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว และเพิ่มพื้นที่จอดรถให้ถึง 3 คัน เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของทุกพื้นที่ จาก Concept More Time More Space More Happiness “ทุกพื้นที่สำคัญ เพิ่มเวลาแห่งความสุขร่วมกันจนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการแก้ปัญหาให้กับครอบครัวคนเมือง ที่ไม่มีเวลาให้กัน ต่างคนต่างทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย พฤติกรรม Work (ไร้) Balance ทำให้เราไม่มีเวลาให้กัน เราจึงไม่หยุดพัฒนา และปรับตัวเข้ากับครอบครัวยุคใหม่ จนเกิดเป็น Concept “Every day is a Gift” ช่วงเวลาคือของขวัญ

Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

เตรียมพบ..แบบบ้านซีรีย์ใหม่ วิลล่าหรู 3 ชั้น 5 ห้องนอน ภายใต้ Concept “Every day is a Gift” ช่วงเวลาคือของขวัญ ที่คำนึงพื้นที่แห่งความสุข ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ โครงการ นินญา กัลปพฤกษ์ คงจะเป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะสม และน่าจะตอบโจทย์สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านสักหลังในตอนนี้

Never Normal กับเทรนด์บ้านที่เปลี่ยนไป เมื่อ work from home อาจอยู่กับเราไปตลอดกาล

บทความแนะนำ

บทความที่เกี่ยวข้อง