ระยะความสูงของพื้นถึงฝ้า ถือเป็นสิ่งสำคัญของการสร้างที่พักอาศัยซึ่งห้ามมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะนี่เป็นจุดที่ส่งผลโดยตรงต่อการอยู่อาศัย หากระยะความสูงของพื้นถึงฝ้าต่ำเกินไป ก็จะส่งผลให้บรรยากาศภายในที่พักอึดอัด ไม่โปร่งโล่งสบาย แล้วถ้าอย่างนั้น หากฝ้าต่ำจะมีวิธีแก้ความสูงของฝ้าได้อย่างไร? แล้วเราควรสร้างความสูงระยะพื้นถึงฝ้าของแต่ละห้องในที่พักให้สูงเท่าไหร่ดี จึงจะช่วยให้บรรยากาศน่าอยู่มากขึ้น ตามมาดูคำตอบกับ Home Buyers กันเลยค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า ตามกฎหมายจะมีเพียงการกำหนดระยะจากพื้นถึงพื้น (Floor to Floor) เท่านั้น แต่สำหรับระยะพื้นถึงฝ้า ไม่ได้มีข้อกำหนดของตัวเลขตายตัว จึงทำให้บ้านแต่ละโครงการ หรือที่พักแต่ละแห่งมีความสูงของระยะพื้นถึงฝ้าต่างกันนั่นเอง โดยระยะความสูงของพื้นถึงฝ้าที่เหมาะสมที่สุด จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างอาคาร ขนาดห้อง และฟังก์ชั่น
กฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) กำหนดว่าห้องหรือส่วนของอาคารที่ใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ต้องมีระยะพื้นถึงพื้นเท่ากับหรือมากกว่าที่กำหนดไว้ตามรูปด้านล่าง โดยให้เริ่มวัดระยะจากพื้นผิววัสดุตกแต่งชั้นนึงจนพื้นผิววัสดุตกแต่งของอีกชั้น
ตัวอย่างเช่น กฎหมายได้กำหนดระยะดิ่งระหว่างพื้นถึงพื้น สำหรับห้องหรืออาคารพักอาศัยไว้ที่ 2.6 เมตร ซึ่งหลังคำนวณลบโครงสร้างพื้นในห้องที่ไม่มีงานระบบ อาจจะเหลือความสูงจากพื้นถึงพื้นอยู่ที่ 2.5 เมตร ซึ่งเป็นระยะความสูงที่อยู่อาศัยได้สบาย แต่ถ้าห้องหรืออาคารนั้น ๆ มีโครงสร้างระบบ เราแนะนำว่าให้เว้นระยะความสูงจากพื้นถึงพื้นมากกว่า 2.6 เมตรค่ะ
แม้ไม่มีกฎหมายกำหนดแน่นอน ว่าความสูงของระยะพื้นถึงฝ้าต้องเป็นเท่าไหร่ แต่เราก็ได้รวบรวมข้อมูลระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่เหมาะสม ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศห้องให้น่าอยู่ โปร่งโล่งสบาย สำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น และพื้นที่ส่วนกลางต่าง ๆ มาฝากกันด้านล่างแล้วค่ะ
สำหรับห้องนอน และห้องนั่งเล่นในบ้านทั่วไป มักมีระยะความสูงของพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.5 – 2.8 เมตร ระยะนี้เป็นความสูงที่สามารถทำกิจกรรมและพักอาศัยได้อย่างไม่อึดอัด แต่หากใครชอบบรรยากาศที่มีพื้นที่โปร่งโล่งสบาย อากาศถ่ายเทได้ดี แนะนำว่าอาจออกแบบให้ระยะความสูงของพื้นถึงฝ้าเป็น 2.8 – 3.2 เมตรแทนก็ได้
แต่ทั้งนี้ เราก็ต้องกำหนดระยะพื้นถึงฝ้าให้สอดคล้องกับขนาดห้องด้วยนะคะ เพราะหากกำหนดระยะพื้นถึงฝ้าที่สูงมากจนเกินไป ก็อาจทำให้ผู้อยู่รู้สึกเวิ้งว้างไม่ปลอดภัยได้ ดังนั้นแล้ว การออกแบบความสูงของระยะพื้นถึงฝ้าต้องห่างกันอย่างพอดีถึงจะดีที่สุดค่ะ
สำหรับห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร ห้องทำกิจกรรม และพื้นที่ส่วนกลาง เราสามารถออกแบบฝ้าให้สูงขึ้นได้ด้วย Double Space หรือ ชั้นลอย เพราะการออกแบบลักษณะนี้จะช่วยทำให้บรรยากาศบ้านและที่พักดูโปร่งโล่งสบาย และกว้างขวางขึ้น
โดยระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้าของ Double Space ควรมีความสูง 5 – 8 เมตร เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ได้อย่างลงตัว แต่อย่างไรก็ตาม การออกแบพื้นที่บ้านและที่พักให้โปร่งโล่งสบายด้วย Double Space อาจมีค่าใช้จ่ายและต้องใช้พื้นที่มากขึ้น ดังนั้นก่อนสร้าง ต้องวางแผนงบประมาณ และดีไซน์พื้นที่ใช้สอยอย่างรอบคอบก่อนด้วยนะคะ
เราสามารถปรับแก้ฝ้าที่ต่ำได้ง่าย ๆ ด้วยการออกแบบให้มี หน้าต่างขนาดใหญ่ หรือช่องเปิดขนาดใหญ่ เพื่อเปิดรับบรรยากาศ และแสงธรรมชาติจากภายนอก วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศให้ผู้อาศัยได้มองวิวรอบ ๆ อีกด้วย พร้อมทั้งหากใช้ผนัง ผ้าม่าน และวอลเปเปอร์โทนสีอ่อน ก็จะช่วยให้พื้นที่ในบ้านและห้องต่าง ๆ โปร่งโล่งสบายยิ่งกว่าเดิม
และถ้าใครอยากดีไซน์บ้านและที่พักให้ดูเท่ ไม่อยากสร้างช่องขนาดใหญ่ หรือใช้ผนังโทนสีอ่อนล่ะก็ ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ นั่นก็คือ การรื้อฝ้าเพดานออก แล้วเปลือยโครงสร้าง หรือทำฝ้าแนบโครงหลังคานั่นเอง วิธีนี้จะช่วยสร้างบรรยากาศบ้านและที่พักให้ดูเท่มีสไตล์ยิ่งขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวังตรงที่ต้องดูแลรักษา ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะดีไซน์ลักษณะนี้มักทำให้ภายในที่พักมีฝุ่นเยอะ และทำความสะอาดยากกว่าปกติ
แต่ถ้าใครอยากสร้างมิติให้กับฝ้าเพดานมากขึ้น ก็อาจออกแบบฝ้าให้มีความลึกกว่าปกติ หรือออกแบบด้วยฝ้าหลุม 2 ชั้นก็เป็นได้ วิธีนี้จะช่วยสร้างความรู้ให้ระยะพื้นถึงฝ้ามีความสูงเพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ
สำหรับคำถามว่าการออกแบบบ้าน ควรมีระยะพื้นถึงฝ้าสูงเท่าไหร่ดี? ถือได้ว่าเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะต้องดูโครงสร้างของอาคารและขนาดของห้องประกอบด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรทำฝ้าต่ำเกินไป เพื่อเลี่ยงบรรยากาศบ้านที่ดูอึดอัดนั่นเอง
บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด
1895/66-67-68 ซ.ไปรษณีย์เสนานิคม ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.10900
