ปกติแล้วการทำสัญญาจ้างก่อสร้างเข้าใจกันดีว่าไม่ได้มีแค่ “เงื่อนไขของสัญญา” เท่านั้น แต่สัญญายังประกอบไปด้วย “เอกสารแนบท้าย” หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายรายการ ซึ่งเอกสารเหล่านี้ถ้าเกิดความผิดพลาดคลาดทำให้บางครั้งอาจจะมีปัญหาหรือขัดแย้งกันในเรื่องนี้ได้
สัญญาจ้างก่อสร้างที่ดีหรือในสัญญา FIDIC (สัญญาก่อสร้างมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับในวงการก่อสร้างทั่วโลก งานก่อสร้างที่เป็นสากลจะนำเอาสัญญา FIDIC มาใช้ เพื่อขจัดข้อขัดแย้งที่อาจเกิดจากการทำงานได้) ก็จะมีกำหนดชัดเจนไปว่าหากเอกสารขัดแย้งกันแล้ว เอกสารใดควรใช้บังคับเหนือเอกสารอื่นๆ
บ่อยครั้งที่แบบหรือรายประกอบแบบก็มีความขัดแย้งกัน บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องของวัสดุไม่ตรงกัน หรือบางครั้งก็เป็นเรื่องผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไปตามหลักวิศวกรรมหรือทางเทคนิค หากไม่ได้มีกำหนดชัดเจนว่าเอกสารใดใช้บังคับเหนือเอกสารใด สัญญานี้ก็จะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ได้เยอะ
ตัวอย่างที่เคยประสบมา
เป็นงานก่อสร้างที่ไม่ใหญ่มากนัก ผู้รับเหมาจะรับเหมารวมทั้งค่าวัสดุและค่าแรงงาน แต่เมื่อทำงานไปแล้วเจ้าของกลับขอตัดรายการวัสดุบางอย่างออก ต้องการไปซื้อเองเพราะคิดว่าประหยัดกว่า โดยทางเจ้าของต้องการตัดค่าดำเนินการและกำไรที่ผู้รับเหมาได้ใส่เป็นเปอร์เซ็นต์จากราคารวมไว้ เจ้าของอ้างว่าเมื่อราคารวมลดลง ดังนั้นจึงจ้องลดค่าดำเนินการและกำไรลงตามสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ด้วย
กรณีนี้กลายเป็นผู้รับเหมาต้องขาดทุนเพราะความจริงค่าดำเนินการและกำไรผู้รับเหมาประเมินโดยรวมจากงานที่ทำไม่เท่าไรและแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ นับเป็นความผิดพลาดของผู้รับเหมาเองที่ไม่ได้กำหนดลงในสัญญาให้ชัดเจนว่าการลดงานวัสดุที่เจ้าของจัดซื้อเองจะต้องไม่ลดค่าดำเนินการและกำไร เพราะอย่างไรเสียผู้รับเหมาก็ต้องทำงานกับวัสดุที่เจ้าของซื้อมาให้อยู่ดี ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำงานเหมือนเดิม
เรียบเรียงจากคอลัมน์ Home Construction ในนิตยสาร Home Buyers Guide ฉบับ ส.ค.2562
อ่านฉบับเต็มได้แล้วที่ > Home Buyers Guide AUG 2562
เรียบเรียงโดย : ศศิชา พุ่มทับทิม
อีเมล : sasicha@home.co.th
ติดตามข่าวสารอสังหาฯและข่าวดังในกระแส www.home.co.th/news
ติดตามข้อมูลโครงการและความเคลื่อนไหวด้านอสังหาฯ www.home.co.th และ www.facebook.com/Homebuyersfanpage
หรือชมวิดีโออื่นๆ คลิกที่นี่ www.home.co.th/vdo , www.youtube.com/tvhomebuyer