Gen Y จะซื้อบ้านควรลด “ของมันต้องมี” ให้ได้ก่อน

Gen Y จะซื้อบ้านควรลด “ของมันต้องมี” ให้ได้ก่อน

Generation Y หรือ Gen Y เรียกอีกอย่างว่ากลุ่ม Millennials คือกลุ่มคนที่เกิดระหว่าง พ.ศ.2523-2543 หรืออายุ 23-38 ปี เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อตลาดมาก เพราะอยู่ในวัยทำงาน มีความสามารถในการซื้อ และอยู่ในช่วงกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว แต่ผลวิจัยพฤติกรรมการเงินของคนกลุ่มนี้ค่อนข้างออกไปในทางลบ โดยเฉพาะเรื่องการจับจ่ายใช้สอยมาก เป็นหนี้เร็ว เงินออมน้อย ฯลฯ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความฝันหลายอย่างของคน Gen Y เป็นฝันที่ไกลเกินความเป็นจริง ทั้งความฝันอยากมีบ้าน มีรถ มีทรัพย์สิน หาก Gen Y ต้องการซื้อบ้านซื้อคอนโดฯ ควรเริ่มอย่างไร มาดูกันค่ะ

หนี้เฉลี่ย 4.23 แสนบาทต่อคน
ซื้อ“ของมันต้องมี” ปีละแสน

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB (TMB Analytics) ธนาคารทหารไทย สำรวจพฤติกรรมบนโซเซียลของคนกลุ่มนี้พบข้อมูลน่าสนใจหลายอย่าง
• กลุ่มคน Gen Y มีหนี้ (มีการกู้ยืมเงิน) มากถึง 7.2 ล้านคน หรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของ Gen Y ทั้งหมด
• ภาระหนี้รวมเฉลี่ย 423,000 บาทต่อคน 
• ในจำนวนคนที่มีหนี้ ประมาณ 1.4 ล้านคนเป็นหนี้เสีย
ยอดใช้จ่าย 69% เกิดจาก “ของมันต้องมี”
• โดยเฉลี่ย Gen Y หมดเงินไปกับ “ของมันต้องมี” ปีละเกือบแสน หรือ 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี
• ส่วนใหญ่เป็นการซื้อโทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า และนาฬิกาหรือเครื่องประดับ 

Gen Y จะซื้อบ้านควรลด “ของมันต้องมี” ให้ได้ก่อน

ฝันไกลแต่ไปไม่ถึง

ความหวังหรือความฝันของคน Gen Y ที่ต้องมีก่อนอายุ 40 ปี คืออยากมีบ้าน 48% อยากมีรถ 22% อยากมีเงินออมและทรัพย์สินอื่นประมาณ 13% แต่เนื่องจากหมดเงินไปกับซื้อของมันต้องมีอื่นๆ ไปเยอะแล้วถึง 1 ใน 4 ของรายได้ และกว่า 70% ก็ยังใช้วิธีกู้เงินจากธนาคารโดยใช้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ดังนั้นความหวังในการได้ของต้องมีอย่างบ้านอย่างรถ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลความจริง

นอกจากนี้พฤติกรรมของคน Gen Y ยังมีลักษณะฝันไกลแต่ไปไม่ถึง ซึ่งสะท้อนจากข้อมูลที่ส่วนใหญ่บอกว่าเริ่มต้นทำงานตั้งเป้าอยากมีเงินเก็บ 6 ล้านบาท แต่ก็บอกว่าจะออมเงินแค่เฉลี่ยเดือนละ 5,500 บาท ซึ่งถ้าเก็บด้วยอัตรานี้ต้องใช้เวลาถึง 90 ปี จึงจะถึงเป้าหมาย!!!

อยากซื้อบ้านต้องลด “ของมันต้องมี”
ออมเงิน 20% ของรายได้

หากต้องการสร้างฝันให้เป็นจริง โดยเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัย บ้านหรือคอนโดฯ ที่เป็นสินค้าราคาสูง จำเป็นที่คน Gen Y ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการเงินให้ได้เสียก่อน ทั้งก่อนและหลังการซื้อ
 
เริ่มต้นเลยคือลดรายจ่ายเกี่ยวกับ “ของมันต้องมี” ควบคู่กับการวางแผนออมเงินอย่างจริงจัง สัดส่วนเงินออมที่นักวางแผนทางการเงินแนะนำคืออย่างน้อย 20% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งบางเดือนอาจมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ แต่เฉลี่ยทั้งปีไม่ควรต่ำกว่าตัวเลขนี้ และเมื่อตั้งเป้าเงินออมเพิ่มขึ้น รายจ่ายเกี่ยวกับของต้องมีก็จะลดลงไปโดยปริยาย
ทั้งนี้เงินออมที่เก็บสะสมสามารถใช้เป็นเงินดาวน์ในการซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ได้ นอกจากนี้ยังใช้เป็นเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการซื้อบ้าน เช่น ค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าส่วนกลางหรือเงินกองทุน รวมถึงอาจเป็นค่าตกแต่ง ฯลฯ ซึ่งรวมๆ แล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจถึง 5% ของราคาบ้านที่ซื้อเลยก็ได้

นอกจากการเตรียมตัวหรือวางแผนการเงินก่อนซื้อแล้ว คนซื้อบ้านยังต้องรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด เพราะการซื้อบ้านซื้อคอนโดต้องผ่อนกันยาวๆ ว่ากันตั้งแต่ 20-30 ปี ระหว่างนี้จึงไม่อาจออกนอกลู่นอกทางไปจับจ่ายใช้สอยตามอำเภอใจได้

ทั้งนี้การซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ต้องมีการเตรียมตัว วางแผนและตัดสินใจอย่างรอบคอบ ซึ่งเราจะนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไปค่ะ

ติดตามข่าวสารอสังหาฯและข่าวดังในกระแส www.home.co.th/news

ติดตามข้อมูลโครงการและความเคลื่อนไหวด้านอสังหาฯ www.home.co.th และ www.facebook.com/Homebuyersfanpage

หรือชมวิดีโออื่นๆ คลิกที่นี่  www.home.co.th/vdo  , www.youtube.com/tvhomebuyer

บทความแนะนำ

บทความที่เกี่ยวข้อง