การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลและวิกฤติไวรัส COVID-19 สร้างผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงมากมาย หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (Business Ecosystems)
การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลและวิกฤติไวรัส COVID-19 สร้างผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงมากมาย หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (Business Ecosystems)
นี่จึงเป็นที่มาของการประกาศปรับแผนกลยุทธ์ครั้งใหม่ของ บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เพื่อเดินหน้าท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจใหม่และการโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้ามาทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายไม่ใช่แค่การเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ยังหมายถึงศักยภาพองค์กรที่จะก้าวหน้าอย่างมั่นคง มีเสถียรภาพในทุกสถานการณ์ (Resilient Business)
สิงห์ เอสเตท จะก้าวเดินไปในทิศทางใด, อย่างไร เรามาดูกันค่ะ
จากจุดเริ่มต้นในฐานะบริษัทจัดการสินทรัพย์และดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวภิรมย์ภักดี ปัจจุบันสิงห์ เอสเตทหรือ S ได้เดินทางสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีการบริหารงานโดยมืออาชีพ และมีสินทรัพย์อยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลากหลาย กระจายอยู่ในหลายภูมิภาค ทั้งในและต่างประเทศ
ธุรกิจหลักของสิงห์ เอสเตทในช่วงที่ผ่านมา
โครงสร้างรายได้หลักในปี 2563 ประมาณ 96% มาจาก 3 ธุรกิจนี้ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย ประกอบด้วยที่อยู่อาศัยแนวราบ และคอนโดมิเนียม เช่น แบรนด์สันติบุรี The ESSE และแบรนด์อื่นๆ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 57% ของรายได้ทั้งหมด
รองลงมาเป็นธุรกิจรีสอร์ตและโรงแรม ซึ่งมีโรงแรมและรีสอร์ต 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ มีห้องพักรวมกัน 4,647 ห้อง สร้างรายได้ให้กับบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 24% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งมีพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกรวม 140,000 ตารางเมตร สร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วน 15%
ปัจจุบันสิงห์ เอสเตทกำลังก้าวสู่เฟสต่อไปของการพัฒนาธุรกิจ ด้วยการปรับแผนกลยุทธ์ปี 2564 เดินหน้าขยายธุรกิจทั้งที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องและการสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม
คุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บมจ.สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า “ปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเรา เพื่อก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในธุรกิจแถวหน้าของประเทศไทย เรายังเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศไทยซึ่งเป็นฐานที่มั่นทางธุรกิจของสิงห์ เอสเตท แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องมองหาโอกาสเพื่อการเติบโตที่มากขึ้นในระดับโลกไปพร้อมๆ กันด้วย”
อาจกล่าวได้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบทั่วโลกเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจจัดทัพธุรกิจใหม่ โดยรุกกลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ยากจะคาดเดาทั้งในประเทศและทั่วโลก ตอกย้ำว่าการตัดสินใจวางโครงสร้างธุรกิจเป็น 4 กลุ่มที่เชื่อมโยงกันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และจะสร้างความมั่นคงให้กับบริษัทจากการที่ธุรกิจในเครือมีวงจรทางธุรกิจที่แตกต่างกัน มีรูปแบบความเสี่ยงไม่เหมือนกัน เป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกันและเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจทั้งหมดด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถถในการสร้างรายได้ประจำและสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ
“แนวทางการบูรณาการ 4 กลุ่มธุรกิจไปด้วยกันของสิงห์ เอสเตท จะทำให้เราโดดเด่น แตกต่าง และสร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจได้อย่างมหาศาล ทั้งยังเพิ่มความสามารถในการคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศ และระดับโลกที่กำลังจะมีเข้ามา”
และด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับ 0.96 เท่า ประกอบกับมีเครดิตดี สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีก 25,000 ล้านบาท จึงทำให้เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมมากในการเดินหน้าขยายธุรกิจ
นางฐิติมา กล่าวว่า การปรับแผนกลยุทธ์ครั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ขึ้นเป็น 3 เท่าตัว หรือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 3 ปี และจะสร้างธุรกิจให้มีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 65,000 ล้านบาท (ณ สิ้นปี 2563) เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสินทรัพย์ 80,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 พร้อมตั้งเป้าเพิ่มอัตราผลกำไรในการทำธุรกิจด้วย
อย่างไรก็ตาม นอกจากเป้าหมายเชิงตัวเลขผลประกอบการแล้ว บริษัทกำลังศึกษาโมเดลและกระบวนการทำธุรกิจแนวใหม่ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์หรือที่เรียกว่า Resilient Business
“เรามีเป้าหมายแสวงหาความร่วมมือทั้งภายในประเทศและระดับโลก เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และช่วยขยายฐานธุรกิจในต่างประเทศให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น”
จากนี้อีก 3 ปี หวังว่าเราคงได้รีวิวความสำเร็จอีกขั้นของสิงห์ เอสเตท ด้วยความเชื่อมั่นว่าความพร้อมและแข็งแกร่งทั้งในแง่เงินทุน ทรัพยากร และบุคคลากรระดับมืออาชีพสามารถทำให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์ ในการเติบโตแบบก้าวกระโดดและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอโดยอย่างไม่ยากเย็น